โดยในช่วงต้นตลาดซื้อขายลอนดอน ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงไป 0.3% ที่ระดับ 1.1654 ดอลลาร์ยูโร หลังจากที่เมื่อวานนี้ไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1.1750 ดอลลาร์/ยูโร
• ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวแบบ Sideways ตลอดช่วงวานนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่าเป็นการสะสมพลังใกล้เส้นค่าเฉลี่ยรายวัน 200 เพื่อหาจังหวะกลับขึ้นไปทดสอบแนว 1.1730-1.1740 อีกครั้ง
ตลาดยังคงมีมุมมองเกี่ยวกับค่าเงินยูโรในระยะสั้นเป็นขาขึ้น ซึ่งหากค่าเงินในตลาดวันนี้สามารถ Break แนว 1.1730-1.1740 ไปได้ แนวต้านถัดไปก็จะอยู่ที่บริเวณ 1.1760-1.795
สำหรับแนวรับวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ 1.1640-1.1649 และ 1.1600-1.1613 ถ้าหากค่าเงินหลุดแนวรับนี้ลงมา จะส่งผลให้ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นจบสิ้นลง
• ในวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า เขาอาจปรับเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนให้มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านเหรีญญในปีนี้ หากว่าจีนมีการหามาตรการตอบโต้
• เจ้าหน้าที่ตัวแทางทางการค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า อาจได้ยินรายละเอียดการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 1.6 หมื่นล้านเหรียญ ภายในวันที่ 24 และ 25 ก.ค. เพื่อเป็นการตอบโต้กรณีที่จีนปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมต่อภาคเทคโนโลยีและสินทรัพย์ทางปัญญา ซึ่งการประกาศดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 25% สู่มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านเหรียญ
• บรรดาบริษัทในสหรัฐฯ เริ่มมีการออกมาตรการใหม่ๆเพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก Trade war ระหว่างสหรัฐฯและจีน ภายใต้การตอบโต้กันด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ
โดยล่าสุด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าทีมบริหารของเขาพร้อมที่จะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่าอีก 5 แสนล้านเหรียญ
• ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ข้อมูลภาคธุรกิจยูโรโซนชะลอตัวลงเกินคาดในเดือนนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อ Trade War จากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ประกอบกับการขยายตัวทั่วโลกอ่อนตัวลงที่ดูเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวที่สดใส
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนยังเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง จากการเพิ่มขึ้นของราคา และผลสำรวจล่าสุดก็ดูจะไม่เป็นอุปสรรคหรือสร้างความกังวลให้แก่อีซีบีที่มีแนวโน้มจะเริ่มถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
สถาบัน IHS Markit เผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซนในเกณฑ์ที่ดี แม้จะอ่อนตัวลงจากระดับ 54.9 จุด มาที่ระดับ 54.3 จุดในเดือนนี้ หรือต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 54.8 จุด แต่ภาพรวมการยืนเหนือระดับ 50 จุด ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงทิศทางการขยายตัว
• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี เผยว่า ยุโรปจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อท่าทีคุกคามทางการค้าจากสหรัฐฯ และมีความต้องการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะที่ นายฌ็อง คลอด-จุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการอียู มีกำหนดการจะเข้าพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯเพื่อหารือถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของยุโรป และรวมถึงมาตรการการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรปในสัปดาห์นี้
• ภาพถ่ายทางดาวเทียมของรัฐบาลสหรัฐฯบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังดำเนินการรื้อถอนสถานที่สำหรับพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธแหล่งสำคัญ จึงนับเป็นความคืบหน้าสำคัญในการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีสหรัฐฯ
• รัฐบาลอิหร่านประกาศจะตอบโต้สหรัฐฯด้วยมาตรการที่เท่าเทียมกัน หากสหรัฐฯทำการกีดกันการส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน ขณะที่ตัวแทนทางการทูตจากสหรัฐฯกำลังดำเนินการกดดันหลายๆประเทศเพื่อขอความร่วมมือในการกีดกันการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
• ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวผสมผสาน ท่ามกลางน้ำมันดิบ Brent ที่ฟื้นตัวจากช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน รวมทั้งสัญญาณของภาวะอุปทานในตลาด
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ที่ระดับ 73.12 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 3 เซนต์ที่บริเวณ 67.86 เหรียญ/บาร์เรล
• ราคาน้ำมัน WTI เมื่อวานนี้พยายาม Break แนว 69.00 เหรียญ/บาร์เรล เป็นครั้งที่ 3 แต่ไม่สำเร็จ และเผชิญกับแรงเทขายกลับลงมาอีกครั้ง
FX Street ประเมินว่า ราคากลับมามีสัญญาณของทิศทางขาลงในระยะสั้นอีกครั้ง โดยจะมีแนวรับแรกที่ 66.53 เหรียญ/บาร์เรล หรืออาจต่ำกว่าแนวนี้
ขณะที่แนวต้านของราคาจะยังคงอยู่ที่ระดับ 69.00 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งหากราคาสามารถทรงตัวเหนือ 67.72 เหรียญ/บาร์เรลในวันนี้ได้ ก็มีโอกาสที่ราคาจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้งหนึ่ง