• ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากที่ข้อมูลกิจกรรมภาคธุรกิจยูโรโซนปรับตัวลงเกินคาด ท่ามกลางตลาดที่ไม่ได้ลดกระแสคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่อีซีบียังคงใช้นโยบายที่ตรงข้ามกัน
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.06% ที่ระดับ 1.1684 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เมื่อวานขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1.1717 ดอลลาร์/ยูโร
ทั้งนี้ สถาบัน HIS Markit ของยูโรโซนเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นที่ยังสะท้อนถึงภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวกว่าที่คาด แต่ภาพรวมก็ยังคงแข็งแกร่งพอที่จะทำให้อีซีบีอาจตัดสินใจปรับนโยบายการเงินมาขึ้นดอกเบี้ยได้ แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้การขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมได้
ขณะที่เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่อีซีบียังไม่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยใดๆ จนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2019 และเหล่าเทรดเดอรืก็มีท่าทีระมัดระวังต่อแนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร
• ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.14% ที่ระดับ 111.18 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ยังคงทรงตัวแถว 94.60 จุด
• ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นตอบรับกับข่าวที่ว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษอาจเป็นผู้นำในการเจรจากรณี Brexit และประเด็นนี้ได้ช่วยลดความไม่แน่นอนจากผลของ Brexitได้บ้าง โดยค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมา 0.36% ที่ 1.315 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่อ่อนค่าลงไปกว่า 6% นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย.
• ทีมบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเตรียมเสนอโครงการช่วยเหลือเกษตรกรสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจาก Trade war ด้วยเงินสนับสนุนเป็นจำนวน 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ถูกใช้เมื่อสมัยวิกฤติทางการเงินของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการยึดมั่นในการขึ้นภาษีนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อเป็นมาตรการกดดันประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีนและยุโรป
• นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ยืนยันเกี่ยวกับรายงานที่ระบุว่าเกาหลีเหนือเริ่มมีการรื้อถอนสถานที่สำหรับพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธว่าเป็นความจริง และสอดคล้องกับข้อตกลงที่ให้ไว้ในการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่ทางเกาหลีเหนือยังจำเป็นต้องดำเนินการต่อไปจนกว่าจะเป็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์
สำหรับข้อตกลงที่ให้เกาหลีเหนือส่งคืนร่างของทหารชาวอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือจะดำเนินการส่งคืนมาก่อน 50 ชุดภายในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ทางเกาหลีเหนือได้มีการเรียกร้องให้สหรัฐฯดำเนินการช่วยเหลือด้านงบประมาณหรือเงินชดเชยทั้งสำหรับการปลดอาวุธและการส่งคืนร่างทหาร ซึ่งยังคงเป็นประเด็นในการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯที่ยังคงหาข้อตกลงร่วมกันไม่ได้
• พรรครีพับลิกันซึ่งเป็นเสียงข้างมากของสภาคองเกรสจะเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ ท่ามกลางความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มบริษัทสัญชาติอเมริกาให้ชะลอตัวลง ซึ่งบรรดานักกฎหมายบางส่วนต้องการให้ทางวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้ความระมัดระวังในการหาแนวทางตอบโต้จากความกังวลที่ว่ารัสเซียจะเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพ.ย.นี้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงท่าทีเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน หลังจากที่มีการกล่าวโต้ตอบกันไปมาระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านทางทวิตเตอร์ โดยล่าสุดนายทรัมป์ ระบุว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สหรัฐฯเตรียมการไว้ ซึ่งจะเป็นข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ที่แท้จริง
• นายทรัมป์ กล่าวเกี่ยวกับจดหมายจากประธานาธิบดีเม็กซิโกที่เร่งขอให้เกิดการเจราจาข้อตกลง NAFTA ที่อาจนำไปสู่การจ้างงานเพิ่มขึ้นทั้งสองประเทศ แต่ยังกล่าวเตือนถึงความแตกต่างค่อนข้างมากของทั้งสองประเทศ
• ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ท่ามกลางตลาดน้ำมันที่หันมาให้ความสนใจไปยังความเป็นไปได้ที่อุปสงค์ในจีนจะเพิ่มสูงขึ้น จึงช่วยลดท่าทีระมัดระวังต่อความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 38 เซนต์ ที่ระดับ 73.44 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 74 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 63 เซนต์ หรือปรับขึ้นเกือบ 1% ที่ระดับ 68.52 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 69.05 เหรียญ/บาร์เรล
• นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group กล่าวว่า รายงานที่ว่าจีนจะเพิ่มค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน อาจช่วยลดอุปสงค์ภายในประเทศนั้น แท้ที่จริงแล้วการเพิ่มค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้อุปสงค์น้ำมันสูงขึ้น และนั่นดูจะเป็นผลดีต่อราคาน้ำมันในทิศทางขาขึ้น