"เสถียรภาพของราคา" คือเป้าหมายสูงสุดที่ทุกนโยบายการเงินต่างเสาะหา แต่อัตราเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะขยายตัวหรือชะลอตัว คือผลกระทบที่ตามมาจากการใช้นโยบายทางการเงิน
Milton Friedman นักวิเคราะห์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล แสดงความเห็นด้วยกับคำกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ตำหนิแนวทางการดำเนินงานของเฟด ว่าทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯขยายตัวมากเกินไป
โดย Friedman อ้างว่า นโยบายการเงินของเฟดในปัจจุบันนั้นไร้ประสิทธิภาพ และผลกระทบของมันในระยะกลางอยู่ในระดับ 0 หรือติดลบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวประกอบกับการขาดดุลทางการค้าจะกลายเป็นปัจจัยที่กดดันการจ้างงานและผลักดันในเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวเสียเอง
ความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อ
มุมมองต่อสถานการณ์ของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯในปัจจุบัน?
Friedman ได้กล่าวว่า สถานการณ์ของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากตัวชี้วัดส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับเทียบเท่าหรือสูงกว่าระดับเป้าหมาย ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงการขยายตัว ไม่ใช่ภาวะสมดุลของราคา ทั้งนี้ การขยายตัวของเงินเฟ้อน่าจะมีปัจจัยหลักๆมาจากการใช้จ่ายส่วนบุคคล ปริมาณการลงทุน และดัชนีราคาผู้บริโภค
จีนและยุโรปจะไม่ยอมสูญเสียภาวะเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ความขัดแย้งทางการค้านับเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอุปทานและความผันผวนของราคา รวมถึงทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นายทรัมป์พยายามกดดันยุโรปและจีนด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า แต่ทางด้านจีนและยุโรปก็ไม่มีท่าทีที่จะยอมสูญเสียดุลการค้ากับสหรัฐฯแต่อย่างใด พร้อมประกาศจะตอบโต้หากสหรัฐฯทำการขึ้นภาษี
แนวคิดต่อการลงทุน
การแสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดที่นายทรัมป์ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะเป็นความพยายามในทางอ้อม เพื่อกดดันไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯขยายตัวไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ นายทรัมป์อาจขอความร่วมมือจากรัสเซียและซาอุดิอาระเบียให้ทำการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เพื่อลดราคาของพลังงานลง โดยในภาพรวมปีนี้ ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นถึง 18.4% และหากราคายังคงปรับสูงขึ้นต่อไป ก็คงบอกไม่ได้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯจะขยายตัวไปไกลถึงระดับใด
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายในจุดนี้เป็นอำนาจการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯเพียงผู้เดียว เฟดจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาแทรกแซงแต่อย่างใด