• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากที่สหรัฐฯและยุโรปเห็นพ้องกันในการหาแนวทางลดความตึงเครียดของข้อขัดแย้งทางการค้า แต่กลุ่มนักลงทุนก็จับตาดูว่านายทรัมป์จะสร้างข้อตกลงหรือไม่กับทางยุโรป ขณะที่ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในทิศทางแข็งค่าท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการค้า และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าว ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไป 0.44% มาแถว 94.160 จุด ขณะที่ยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ 1.1728 ดอลลาร์/ยูโร
ทั้งนี้ สหรัฐฯและอียูต่างเห็นพ้องกันในการชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันในการเจรจาเพื่อปรับลดกำแพงภาษีและอุดหนุนสินค้าภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่กลุ่มยานยนต์ระหว่างกัน
• ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลง 0.2% มาที่ 110.97 เยน/ดอลลาร์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า บีโอเจอาจใกล้ปรับลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเร็วๆนี้
• ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นมา 0.8% เมื่อเทียบดอลลาร์ที่ 6.753 หยวน ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่เข้าปิดสถานะทำกำไร หลังจากที่เงินหยวนขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามาที่สุดนับตั้งแต่มิ.ย. ปี 2017 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
• การเจรจาระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายฌ็อง คลอด-จุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการอียู เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้รับเสียงชื่มชมจากเจ้าหน้าระดับสูงในอียูว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับสหภาพยุโรป
โดยรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งเยอรมนี ได้ทวิตเตอร์ข้อความแสดงความยินดีต่อการเจรจาว่า ความสำเร็จครั้งนี้จะเป็นช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถหลีกเลี่ยง Trade war ไปได้ และยังเป็นการช่วยเพิ่มตำแหน่งงานได้หลายล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ นายทรัมป์ได้แสดงความยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดนโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของเขา รวมถึงยกเลิกแผนกดดันทางเศรษฐกิจอื่นๆ และยืนยันจะเข้าร่วมการประชุมครั้งต่อไปกับยุโรปเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯและยุโรป ขณะที่ทางสหภาพยุโรปให้สัญญาจะลดกำแพงทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มเมล็ดถั่วเหลืองและก๊าซธรรมชาติ
• กลุ่มภาคอุตสาหกรรมชั้นนำในเยอรมนีกล่าวเตือนให้ระวังต่อข้อเสนอในการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯและประธานคณะกรรมาธิการอียูเพื่อหลีกเลี่ยง Trade War โดยเตือนว่า ประเด็นการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯยังไม่มีความสมบูรณ์ในการประชุมวาระนี้
• ในการประชุมอีซีบีวันนี้ถูกคาดการณ์กันว่า อีซีบีน่าจะยังคงนโยบายการเงินต่อไป โดยจะมีการถกกันในประเด็นความเสี่ยงจากภาวะขัดแย้งทางการค้าระดับโลก ที่อาจไม่การันตีว่าจะส่งผลให้อีซีบีเปลี่ยนแปลงแผนการถอนนโยบายการเงินหรือไม่
เงินเฟ้อยูโรโซนมีการรีบาวน์ในกรอบและการจ้างงานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อีซีบีตัดสินใจยุติการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือน 2.6 ล้านล้านยูโร (3 ล้านล้านเหรียญ) ภายในปีนี้ ซึ่งจะถือเป็นก้าวสำคัญครั้งใหญ่ในการที่อีซีบีจะถอดถอนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับความเชื่อมั่นที่ถูกกดดันจากความตึงเครียดทางการค้า ก็อาจทำให้อีซีบียังตัดสินใจคงดอกเบี้ยระดับต่ำออกไปก่อนจนถึงปีหน้า ท่ามกลางความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อเงินเฟ้อ
ขณะที่นายดรากี้ ประธานอีซีบี ดูจะหลีกเลี่ยงการให้สัญญาณต่อกรอบเวลาการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของอีซีบี โดยระบุว่า อีซีบีจะคงดอกเบี้ยต่อไปจนถึงช่วงฤดูร้อนปีหน้า ขณะที่การเข้าซื้อพันธบัตรมีแนวโน้มจะปรับลดหรือยุติลงในปีนี้ อันจะกลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือการดำเนินงานของอีซีบี
• ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านในอังกฤษปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนในเดือนมิ.ย. แต่ภาพรวมการก่อสร้างยังคงปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลก
• รายงานจากหนังสือพิมพ์ Nikkei เปิดเผยว่า บีโอเจอาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงปริมาณการเข้าซื้อกองทุน ETF ภายในสัปดาห์หน้า
โดยในปัจจุบันบีโอเจมีการเข้าซื้อกองทุน ETF เป็นมูลค่า 6 ล้านล้านเยน (5.408 หมื่นล้านเหรียญ) ต่อปี ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวเป็นกองทุนที่เชื่อมโยงกับดัชนีหุ้น Nikkei คิดเป็นมูลค่า 1.6 ล้านล้านเยน และกองทุนที่เชื่อมโยงกับดัชนีหุ้น Topix คิดเป็นมูลค่า 4 ล้านล้านเยน
ทั้งนี้ Nikkei คาดการณ์ว่า บีโอเจจะยังคงมูลค่าเข้าซื้อโดยรวมไว้ดังเดิม แต่จะเปลี่ยนแปลงในเรื่องของอัตราส่วน โดยเพิ่มการเข้าซื้อกองทุนที่เชื่อมโยงกับดัชนีหุ้น Topix ขณะที่ลดการเข้าซื้อกองทุนที่เชื่อมโยงกับดัชนีหุ้น Nikkei แทน
• นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การประชุมระหว่างนายทรัมป์และนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จะถูกเลื่อนออกไปจนถึงปีหน้า ภายหลังจากการสืบสวนเกี่ยวกับกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งจบสิ้นลง
ทั้งนี้ นายทรัมป์ได้เคยกล่าวเชิญชวนนายปูตินมายังสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พึงพอใจให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐสภา เนื่องจากนายทรัมป์ปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่านายปูตินมีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีแทรกแซงการเลือกตั้ง
• ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบภายในประเทศที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.พ. ปี 2015 จากตลาดที่คลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 49 เซนต์ ที่ระดับ 73.93 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็น +0.67% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 78 เซนต์ คิดเป็น +1.14% ที่ระดับ 69.30 เหรียญ/บาร์เรล