นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรปได้ก้าวเข้าสู่ “เฟสใหม่” ภายหลังการประชุมร่วมกับและนายฌ็อง คลอด-จุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการสหภาพยุโรป ที่ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันลดระดับภาษีนำเข้าสู่ระดับ 0% สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมและให้ความร่วมมือกันในด้านพลังงาน
“เราตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อช่วยลดภาษีนำเข้าสู่ระดับ 0% รวมถึงลดกำแพงทางการค้าลงสำหรับสินค้านอกกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์” นายทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุม
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ผู้นำไม่ได้มีการกล่าวถึงข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายขึ้นภาษีรถยนต์แต่อย่างใด แต่ทางด้านนายจุงเกอร์ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการขึ้นภาษีเพิ่มเติมในขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังดำเนินการเจรจา พร้อมระบุว่าการเจรจาครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ยุโรป-สหรัฐฯ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ได้ประเมินว่า นโยบายขึ้นภาษีรถยนต์จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ถึงแม้รายละเอียดของผลการเจรจาครั้งนี้จะยังไม่เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน แต่คำรับรองที่ว่าจะไม่มีการขึ้นภาษีเพิ่มเติมระหว่างที่การเจรจายังคงดำเนินอยู่ จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิด Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-ยุโรปลงไปอย่างมาก และถือได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของสหภาพยุโรปที่กำลังกังวลว่าอาจจะถูกปรับขึ้นภาษีรถยนต์สูงถึง 25%
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ประเมินว่า ดูเหมือนจะยังมีความขัดแย้งกันอยู่บ้างจากการเจรจาครั้งนี้ เนื่องจากทีมบริหารของนายทรัมป์ยังต้องการให้ยุโรปยกเลิกภาษีสำหรับรถยนต์สหรัฐฯ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 10%
ที่มา: CNBC