ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีก 0.1% ที่ระดับ 93.96 จุด แตะระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ในตลาดซื้อขายเอเชีย
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลงนั้น นักกลยุทธ์จาก Daiwa Securities มองว่าได้ช่วยทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ท่ามกลางเงินหยวนที่ปรับแข็งค่าขึ้น และเมื่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและอียูผ่อนคลายขึ้น ก็ส่งผลให้เกิดความคาดหวังที่ว่าการเจรจา NAFTA และจีนจะเป็นไปในเชิงบวก
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวย้ำในการประชุม BRICS Summit โดยระบุว่า ภาวะสงครามการค้าจะไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ และอยากให้ทุกคนร่วมสนับสนุนการยุติการสร้างผลกระทบต่อประเทศของพวกเขา
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1.1735 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนทราบการประกาศผลการประชุมอีซีบีในช่วงค่ำวันนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าอีซีบีจะคงดอกเบี้ย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงให้ความสำคัญไปยังการประชุมบีโอเจสัปดาห์หน้า ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงไป 0.2% มายัง 110.74 เยน/ดอลลาร์ และเป็นการปรับแข็งค่าติดต่อกัน 7 วันทำการเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังคงปรับตัวขึ้น อันเป็นผลมาจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและอียูวานนี้ โดยอัตราผลตอบแทนระยะยาวอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 2.969% จากระดับปิด 2.936% เมื่อวานนี้
ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุ 2 ปี ได้รับอานิสงส์จากกระแสเฟดขึ้นดอกเบี้ย จึงปรับขึ้นมาบริเวณ 2.6694% จากระดับปิดวานนี้ที่ 2.657%
• รายงานจาก CNBC ระบุว่า หลังจากที่ตลาดได้สร้างความแปลกใจกับการประชุมเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินของอีซีบีไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ในการประชุมวาระนี้ อีซีบีก็ถูกคาดว่าจะยังคงนโยบายการเงินต่อในสัปดาห์นี้ โดยมีไฮไลท์สำคัญในเรื่องความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
โดยนักวิเคราะห์หลายฝ่ายให้ความสนใจต่อประเด็นความเสี่ยงในการประชุมวาระนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อความเสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงขึ้นจากความตึงเครียดเรื่อง Trade War
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Deutsche Bank คาดหวังว่า นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี จะส่งสัญญาณในเชิง “Goldilocks” ที่สภาพเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างเหมาะสม โดยไม่ได้กล่าวในเชิงคุมเข้มทางการเงินมากเกินไป และก็ไม่ได้ผ่อนปรนมากเกินไป ซึ่งน่าจะเห็นอีซีบีคงดอกเบี้ยออกไปจนถึงปีหน้า ท่ามกลางภาวะ Trade War และความไม่แน่นอนด้านความเสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบหรือความตึงตัวต่อเงื่อนไขทางการเงิน
• ผลสำรวจโดย Reuters คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แต่เชื่อว่าการเติบโตได้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว แม้จะยังไม่มีสัญญาณของการชะลอตัวที่ชัดเจนก็ตาม
ขณะที่ผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับปานกลาง และเป็นที่ชัดเจนว่าความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจถูกบั่นทอนลงไปจากความขัดแย้งทางการค้า
• นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ กล่าวปกป้องการกระทำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการให้ปากคำต่อคณะกรรมธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับกรณีที่นายทรัมป์ปฏิเสธที่จะกล่าวหานายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ระหว่างการประชุมร่วมกันของทั้ง 2 ผู้นำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
• สหรัฐฯยืนยันจะยังไม่ประกาศให้สงครามเกาหลีจบสิ้นลง หากเกาหลีเหนือยังไม่ได้ปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ แต่การยืนยันเช่นนั้นอาจสร้างแรงกดดันให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือรวมไปถึงกับเกาหลีใต้ได้
ทั้งนี้ สงครามเกาหลีที่เกิดขึ้นในปี 1950-1953 ได้หยุดลงชั่วคราวเนื่องจากการลงนามในสนธิสัญญาสงบศึก ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพแต่อย่างใด ดังนั้นในเชิงเทคนิคจึงถือได้ว่าสหรัฐฯและประเทศพันธมิตรยังคงอยู่ในภาวะสงครามกับเกาหลีเหนือ
• ทางการเกาหลีเหนือยืนยันจะส่งร่างของทหารที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลีกลับประเทศภายในวันศุกร์ โดยไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอน หลังจากได้รับโลงศพจำนวน 100 ลังสำหรับใส่ร่างทหารจากสหรัฐฯเมื่อเร็วๆนี้
• ตำรวจจีนเข้าจับกุมผู้หญิงชาวจีนที่ราดตัวเองด้วยน้ำมันใกล้สถานทูตสหรัฐฯในประเทศจีน ต้องสงสัยว่าเป็นความพยายามจุดไฟเผาตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน รายงานจาก Reuters ได้ระบุว่า มีพยานได้ยินเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนบริเวณพื้นที่ใกล้สถานทูตสหรัฐฯ ในจุดที่เป็นพื้นที่สำหรับการยื่นขอวีซ่า
• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังมีรายงานว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียประกาศระงับการขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดงเป็นการชั่วคาว เนื่องจากเกิดเหตุโจรกรรม นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานปริมาณน้ำมันสหรัฐฯที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.6% บริเวณ 74.35 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้นกว่า 1% บริเวณ 69.35 เหรียญ/บาร์เรล
• ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นได้หลังเกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณอุปทาน เนื่องจากเกิดเหตุโจรกรรมในเส้นทางขนส่งน้ำมันหลักของซาอุดิอาระเบีย ให้การขนส่งน้ำมันของซาอุฯต้องชะงักลง ประกอบกับปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯที่ลดน้อยลงเกินคาด
ในทางเทคนิค นักวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่า ราคาน้ำมัน WTI สามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ $69.00 ได้ และกำลังเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังอยู่แถวแนวต้านเดิมที่ $69.44 ราคาน้ำมันในระยะสั้นจึงกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้น และจะมีเป้าหมายต่อไปที่$70.53 และ $71.19 ขณะที่มีแนวรับที่ระดับ $69.00 และ $68.30