• ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกชะลอตัวลงจาก Trade war

    2 สิงหาคม 2561 | Economic News
 

การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างชะลอตัวลงในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะถูกกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ขยายตัวจนกลายเป็น Trade war

ผลสำรวจจาก Reuters แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะสามารถขยายตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างเชื่อว่าเศรษฐกิจได้เติบโตเลยจุดสูงสุดมาแล้ว และเชื่อว่าแต่ละประเทศจะเริ่มหันมาใช้นโยบายกีดกันทางการค้ามากขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตัวเองท่ามกลาง Trade war โดยไม่มีสัญญาณที่จะยอมประนีประนอมกัน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ความเชื่อมั่นในต่อเศรษฐกิจในปัจจุบันจะถูกบั่นทอนลงไปจาก Trade war บรรดาธนาคารกลางต่างๆก็ยังคงยึดมั่นที่จะทยอยเลิกใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษที่ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยวิกฤติทางการเงินเมื่อปี 2008  

โดยนักวิเคราะห์จาก TD Securities ระบุว่า “ความเสี่ยงจาก Trade war และนโยบายกีดกันทางการค้า จะไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นๆแต่อย่างใด แต่สิ่งที่น่ากลัวของ Trade war คือการเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจในระยะยาวที่จะค่อยๆทำลายเศรษฐกิจโลกลงอย่างช้าๆ”

“ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในแต่ละประเทศยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรดาธนาคารกลางในแต่ละประเทศจึงจำเป็นต้องทำการคุมเข้มทางการเงินด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

เมื่อเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯและจีนต่างประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแต่ละประเทศตอบโต้กันเป็นมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญ และยังมีการประกาศจะขึ้นภาษีอีก 1.6 หมื่นล้านเหรียญ ที่คาดว่าจะถูกใช้ภายในเดือน ส.ค. นี้

นอกจากนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทีมบริหารของเขา ยังได้ข่มขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกถึง 25เป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ จากเดิมที่เคยข่มขู่ว่าจะขึ้นภาษี 10% โดยนายทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะทยอยขึ้นภาษีกดดันจีนจนเป็นมูลค่ารวมถึง 5 แสนล้านเหรียญ

ขณะที่ทางการจีนก็ได้ออกมาประกาศว่า จะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐฯในทุกๆครั้งที่สหรัฐฯทำการขึ้นภาษีพวกเขาอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ประเมินว่า หากสหรัฐฯทำการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนหรือยุโรปอีก 25ก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกประมาณ 0.81ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯก็จะถูกกดดันลงมา 1.0% ส่วนเศรษฐกิจจีนที่ 1.5%


ที่มา: Reuters

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com