• รายงานจาก Nikkei Daily ระบุว่า ทางการญี่ปุ่นกำลังตัดสินใจสร้างกองทุนเพื่อความมั่งคงเพื่อลงทุนในโปรเจ็คโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯและญี่ปุ่นมีแผนร่วมกัน เพื่อหาทางเจรจาทางการค้า 2 วิธีในสัปดาห์ ท่ามกลางสหรัฐฯที่ดูจะสร้างแรงกดดันทางการค้าเสรี (FTZ) ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์
• ธนาคารกลางเม็กซิโกคงดอกเบี้ยที่ระดับ 7.75% ซึ่งเป็นระดับที่ทรงตัวมาอย่างยาวนาน 9 ปี และหั่นแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ลงไป พร้อมกล่าวว่าจะเดินหน้าใช้นโยบายด้วยความรอบคอบท่ามกลางความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
โดยธนาคารกลางเม็กซิโก ระบุว่า ความเสี่ยงทางการขยายตัวทงาเศรษฐกิจน่าจะส่งผลให้ปีนี้เติบโตได้เพียง 2-2.5% ลดลงจากประมาณการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 2-3%
• เจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงจากจีน กล่าวว่า จีนต้องสร้างสมดุลการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน และขจัดความเสี่ยงท่ามกลางความไม่แ่นนอนที่เพิ่มขึ้น โดยที่จีนต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นสำหรับการใช้จ่ายด้านการ "ส่งผ่าน" ของนโยบายการเงิน เพื่อสนับสนุนการขยายตัวที่แท้จริงทางเศรษฐกิจ
• ภาวะ Trade War ของสหรัฐฯอาจทำให้ภาคบริษัทมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะล้มละลาย หรือเผชิญกับอุปสรรคจากการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากTrade War อาจบั่นทอนให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า พรรครีพับลิกันและเดโมแครตมีการหารือกันถึงตัวบทกฎหมายในการคว่ำบาตรรัสเซียครั้่งใหม่ เพื่อตอบโต้การโจมตีทางไซเบอร์ โดยความพยายามล่าสุดมาจากการลงโทษรัสเซียสำหรับการแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ และกิจกรรมต่างๆในซีเรียและยูเครน
• ภาคบริษัทต่างๆของสหรัฐฯมีแนวโน้มจะมีทิศทางการจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนก.ค. จึงยังสะท้อนถึงภาวะแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่อาจช่วยพยุงตลาดแรงงานท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการค้า รวมทั้งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อในการประชุมเดือนก.ย.
หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Barclays กล่าวว่า ยังคงจับตาสัญญาณของนโยบายกีดกันทางการค้า เพราะอาจส่งผลให้ภาคการจ้างงานที่ทีมบริหารทรัมป์วางไว้ชะลอตัวลงได้ แต่ขณะนี้ก็ยังเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดอยู่
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายราย กล่าวเตือนว่า การโต้ตอบกันไปมาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอาจบั่นทอนภาคการผลิตของสหรัฐฯ ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อภาวะห่วงโซ่อุปทาน ที่อาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าอาจทำลายความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจด้วยและอาจทำให้ภาคบริษัทต้องกมีการหั่นค่าใช้จ่ายและปรับลดการจ้างงานลง แต่งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1.5 ล้านล้านเหรียญ อาจช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4.1% ในไตรมาสที่ 2/18 แม้จะมีผลกระทบจากภาวะตึงเครียดทางการค้าอยู่ก็ตาม
• ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากเหล่าเทรดเดอร์ที่ป้องกันความเสี่ยงในตลาดฟิวเจอร์ส โดยคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี ถูกกดดันจากภาวะอุปทานโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 9 เซนต์ ท่ะรดับ 68.87 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 5 เซนต์ ที่ระดับ 73.40 เหรียญ/บาร์เรล