• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2561

    7 สิงหาคม 2561 | Economic News

• ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.02% บริเวณ 95.17 จุด ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ยังเชื่อมั่นว่า Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ได้ เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนจะช่วยลดยอดขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯได้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา ปรับแข็งค่าขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ 95.652 จุด ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงและปิดตลาดลงมาต่ำกว่า

• นักวิเคราะห์จาก Barclays ประเมินว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขึ้นภาษีอยู่อีกมาก เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่านโยบายภาษีจะถูกใช้จนถึงระดับไหนหรือจะรุนแรงขึ้นเท่าใด ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงได้ก็ต่อเมื่อ เศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีหรือแรงหนุนของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มอ่อนกำลังลงเองก็ตาม

• ด้านค่าเงินเยนแข็งค่า 0.08% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาที่บริเวณ 111.32 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนเริ่มจะทรงตัวหลังจากปรับแข็งค่าลงไปถึงระดับ 112.0 เยน/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวแทนจากสหรัฐฯและญีปุ่นมีกำหนดจะเจรจาเกี่ยวกับการค้าภายในวันพุธที่จะถึงนี้

• ส่วนค่าเงินหยวนอ่อนค่าขึ้น 0.06% บริเวณ 6.8590 ดอลลาร์/หยวน เคลื่อนไหวใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดของเดือน พ.ค. ปี 2017 ท่ามกลางแรงกดดันความกังวลเกี่ยวกับ Trade war

• ค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้พยายามทำ Double bottom ที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 28 มิ.ย. ที่ $1.1527 แต่ค่าเงินลงไปได้สุดได้ที่ $1.1529 ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาปิดตลาดวานนี้เหนือระดับ $1.1550 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในทิศทางขาลง จึงยังต้องจับตาว่าตลาดวันนี้จะสามารถ Break ระดับ $1.1527 ลงไปได้หรือไม่

ทั้งนี้ หากค่าเงินยูโรในวันนี้สามารถปิดตลาดในแดนบวกเหนือกรอบระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 และ 200 วันได้ ก็จะมีสัญญาณของการกลับตัวในระยะสั้นๆ

• สหภาพยุโรปยืนยันว่าพวกเขาได้เตรียมมาตรการป้องกันธุรกิจในยูโรโซนที่อาจได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่านของสหรัฐฯเอาไว้แล้ว โดยมาตรการดังกล่าวจะมีจุดประสงค์เพื่อรักษาข้อตกลงทางนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯถอนตัวออกไป รวมถึงรักษาช่องทางการค้าระหว่างอิหร่านและยุโรปเอาไว้

• สถาบันวิจัย TS Lombard ประเมินว่าความตึงเครียดเกี่ยวกับ Trade war ไม่ได้เป็นประเด็นหลักที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญ

โดยรัฐบาลจีนน่าจะให้ความสำคัญไปยังการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศ และรักษาโครงสร้างทางอำนาจของรัฐบาลเสียมากกว่า

ทั้งนี้ สถาบันฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 6.3% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 และ 6.5% สำหรับการขยายตัวตลอดทั้งปี

• อัตราค่าจ้างแท้จริงที่ผันผวนตามอัตราเงินเฟ้อของแรงงานในญี่ปุ่นขยายตัวได้ในเดือน มิ.ย. ด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 21 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากเงินโบนัสประจำช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะสามารถขยายตัวขึ้นได้

ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างแท้จริงในเดือน มิ.ย. ขยายตัวได้ 2.8% จากปีก่อนหน้า เทียบกับ 1.3% ที่ขยายตัวได้ใน จึงเป็นการขยายตัวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ปี 1997 ที่อัตราค่าจ้างแท้จริงสามารถขยายตัวได้ 6.2%

• ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นหลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ จึงส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าปริมาณอุปทานในตลาดจะตึงตัวอีกครั้ง โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.6% จากระดับปิดวานนี้ ขึ้นมาบริเวณ 74.17 เหรียญ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.4% มาบริเวณ 69.31 เหรียญ

• นักวิเคราะห์จาก Energy Aspects ประเมินว่านโยบายคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่านของสหรัฐฯ อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงกว่าระดับ 90 เหรียญ/บาร์เรลได้ภายในช่วงปลายปี 2018 นี้

• ราคาน้ำมัน WTI วานนี้สามารถ Break แนวต้านรายวันที่ $69.00 และ $69.10 ขึ้นมาได้ จึงมีเป้าหมายในระยะสั้นต่อไปที่ $69.40 ก่อนจะเผชิญแนวต้านที่เป็นแนวต้านของเทรนขาขึ้นเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ซึ่งก็คือระดับ $70.00 และ $70.10 ซึ่งหากราคาสามารถปรับขึ้นเหนือ $70.45 ก็จะมีเป้าหมายระยะกลางที่ $71.15

ส่วนแนวรับวันนี้จะอยู่ที่ระดับ $68.30 – 68.20 และแนวรับถัดไปที่ $67.80 – 67.70 ซึ่งเป้าหมายของทิศทางขาลงจะอยู่บริเวณต่ำสุดของวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ $67.00 - 66.90

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com