• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 125.44 จุด หรือปรับลง 0.5% ที่ระดับ 25,187.7 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลง 11.35 จุด คิดเป็น -0.4% ที่ระดับ 2,821.93 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.25% ที่ระดับ 7,819.71 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของค่าเงินตุรกี และทำให้ดัชนี S&P500 รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ปิดแดนลบ 4 วันทำการ
• ธนาคารกลางตุรกีพยายามรักษาเสถียรภาพด้านค่าเงินลีราที่ร่วงลงจากความกังวลของกลุ่มนักลงทุน โดยจะเห็นได้ว่าปีนี้ค่าเงินดังกล่าวอ่อนค่าลงไปกว่า 40% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
• ค่าเงินลีราตุรกีที่อ่อนค่าลงอย่างหนักได้ส่งกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นของประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ ขณะที่หนุนให้มูลค่าของพันธบัตรเยอรมนีและสินทรัพย์มั่นคงอื่นๆปรับตัวสูงขึ้น
• ดัชนี MSCI ที่วัดตลาดหุ้นทั่วโลกใน 47 ประเทศ ปรับลดลง 0.8% ในเช้าวันนี้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงถึง 1.8% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังค่าเงินลีราอ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้กระทรวงเศรษฐกิจแห่งตุรกีจำเป็นต้องออกมาประกาศจะมีแผนเข้าเกื้อหนุนค่าเงินเพื่อบรรเทาความแตกตื่น
• ค่าเงินลีราอ่อนค่าลงอ่างหนักหลังนายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ขยายอำนาจควบคุมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นประกอบกับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯที่ย่ำแย่ลง ส่งผลให้ค่าเงินลีราอ่อนค่าลง 12% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
• เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดปรับตัวขึ้น โดยเป็นการรีบาวน์กลับหลังจากที่ร่วงลงไปอย่างหนักในวันก่อน จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของตุรกี ขณะที่ตลาดรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันนี้
• ดัชนีนิกเกอิเปิด +1.14% ซึ่งขยายตัวได้มากที่สุดหลังจากที่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าหลังจากที่แข็งค่าในฐานะ Safe-Haven จากความไม่แน่นอนในตุรกี โดยค่าเงินเยนกลับอ่อนค่าไปที่ 110.71 เยน/ดอลลาร์ หลังลงมาทำระดับแข็งค่าเมื่อวานนี้ที่ 110.3 เยน/ดอลลาร์ จึงหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก รวมไปถึงกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และเทคโนโลยี ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.11%
• ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ระหว่าง 33.10-33.60 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดน่าจะจับตาประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้า ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการขออนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค. รวมถึงผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจสนใจเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน และข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2561 ของยูโรโซนเช่นกัน