• ค่าเงินลีราร่วงลงทำ All-Time Low เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ร่วงลงไปกว่า 7% เป็นการร่วงลงครั้งแรกที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยค่าเงินลีราอ่อนค่ามาที่ 7.088 ลีรา/ดอลลาร์ จากระดับ 6.4275 ลีรา/ดอลลาร์ในคืนวันศุกร์ และภาพรวมอ่อนค่าไปแล้วกว่า 16% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากปัญหาภายในประเทศ ฉุดให้เกิดวิกฤตค่าเงินภายในประเทศ
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ยืนเหนือ 96 จุดได้ตลอดวันศุกร์ที่ผ่านมา และส่งผลให้สัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นมา 1.3% ที่ระดับ 96.418 จุด ขณะที่นักลงทุนลดการถือครองค่าเงินยูโร จึงทำให้อ่อนค่าไปที่ระดับ 1.1387 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1412 ดอลลาร์/ยูโรในช่วงปลายตลาด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า หลังจากที่ค่าเงินยูโร Break หลุดระดับแนวรับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1.15 ดอลลาร์/ยูโร ก็ทำให้ค่าเงินยูโรอาจทำระดับ 1.1370 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสำคัญต่อไป หากหลุดลงมามีโอกาสร่วงลงต่อ
• นายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวโทษ “กลุ่มผู้ก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ” ว่าเป็นผู้จงใจปล่อยข่าวลือที่ผิดๆ ทำให้ค่าเงินลีราคาอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง พร้อมให้สัญญาจะนำกลุ่มคนดังกล่าวมารับโทษตามกฎหมายให้ได้
ขณะที่กระทรวงมหาดไทยแห่งตุรกี ได้สืบสวนพบสื่อโซเชียลจำนวน 346 สื่อที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโพสข้อความที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ทำให้ตลาดมองเศรษฐกิจไปในเชิงลบ พร้อมยืนยันจะดำเนินการทางกฎหมายกับสื่อเหล่านั้น แต่ไม่ระบุว่าจะดำเนินการเช่นไร
• สำนักงานงบประมาณแห่งชาติสหรัฐฯ (CBO) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ดีในปีนี้ ก่อนจะชะลอตัวลงในปีหน้าต่ำกว่าเป้าที่ทีมบริหารของนายทรัมป์ได้ตั้งไว้ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เลือนลางไป ซึ่งภาพรวมปีนี้จีดีพีสหรัฐฯจะโตได้ 3.1% เพิ่มขึ้นจาก 2.2% ในปี 2017 เพราะได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลสหรัฐฯที่หั่นภาษีนิติบุคคลในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญ ประกอบกับร่างงบประมาณค่าใช้จ่าย 1.3 ล้านล้านเหรียญที่สภาคองเกรสมีมติเห็นชอบไปเมื่อเดือนมี.ค. ได้ช่วยหนุนให้ค่าใช้จ่ายในภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น และทำให้จีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวได้ใกล้ระดับสูงสุดรอบ 4 ปีที่ 4.1% จาก 2.2% ในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ดี CBO คาดว่าเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปีน่าจะชะลอตัวลงจากภาคการส่งออกสินค้าเกษตรและค่าใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภค เพราะได้รับผลกระทบจากนโยบายเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่มีผลนับตั้งแต่ ก.ค. ที่ผ่านมา และน่าจะบั่นทอนต่อภาคการขนส่งในอนาคต และจะส่งผลให้ในปี 2019 คาดจะชะลอตัวลงแตะ 2.4% จากการลงทุนภาคธุรกิจและการจัดซื้อของรัฐบาลที่ปรับลง
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในร่างงบประมาณสำหรับการป้องกันประเทศเป็นมูลค่า 7.16 แสนล้านเหรียญ รวมถึงลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมสำหรับบริษัท ZTE และ Huawei ของประเทศจีน
• กระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีนยืนยันจะประเมินคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่เพิ่มอำนาจในการควบคุมการลงทุนจากต่างประเทศ และจะมีการเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างยุติธรรมกับนักลงทุนชาวจีน
• ราคาน้ำมันดิบปิดร่วงลงจากสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงินในตลาดเกิดใหม่ และความตึงเครียดทางการค้าที่เป็นอุปสรรคต่อแนวโน้มอุปสงค์เชื้อเพลิง
• น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 20 เซนต์ คิดเป็น -0.3% ที่ระดับ 72.61 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 43 เหรียญ คิดเป็น -0.7% ที่ระดับ 67.2 เหรียญ/บาร์เรล