• ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นมาแถว 2,838 จุด ก่อนที่จะปรับลงไปทดสอบ 2,830 จุด โดยที่ตลาดดูเหมือนจะทรงตัวได้ระหว่าง 2,820 - 2,840 จุด และคาดว่าราคาน่าจะยังแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากมีแรงกดดันจากความกังวลของประเทศหลักทั่วโลก ขณะที่การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้ช่วยอะไรต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นมากนัก แต่ภาพรวมของดัชนี S&P500 ดูจะเป็น Uptrend ในระยะสั้นๆได้ ขณะที่หากดัชนีหลุด 2,820 จุดลงมา จะมีแนวรับถัดไปที่ 2,800 จุด และอาจทำให้ดัชนีปรับลงต่อได้
อย่างไรก็ดี ภาพรวมดูจะเป็นลักษณะการทำกำไรแบบ "Buy on the dips" ซึ่งหากดัชนียืนเหนือ 2,840 จุดได้ ก็มีโอกาสเห็นดัชนีไปที่ 2,850 จุดได้ในระยะสั้นๆ จากกระแสเงินในอเมริกาเป็นปัจจัยหลัก
• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤติเงินของตุรกียังคงส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน อย่างไรก็ดี กระแสเงินทุนยังคงซบเซาเนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการเนื่องจากวันหยุด รวมทั้งอิตาลี ไอร์แลนด์และออสเตรีย
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.18% ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียปิดในแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติทางเศรษฐกิจของตุรกี โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลงกว่า 1% ทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี 2017 หลังจากเมื่อวานรีบาวน์ขึ้นได้เล็กน้อยจากการที่ค่าเงินลีราตุรกีส่งสัญญาณของการเริ่มกลับมาทรงตัว
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลงในเช้านี้ เนื่องจากแรงขายทำกำไร ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินเยนที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.7% ที่ระดับ 22,204.22 จุด หลังเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 2.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
· ตลาดหุ้นจีนปรับลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการร่วงลงของค่าเงินหยวนทำระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
ทั้งนี้ ดัชนี CSI300 หุ้นกลุ่มบลูชิพ ลดลง 2.4% ที่ระดับ 3,291.98 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 2.1% ที่ระดับ 2,723.26 จุด