• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 137.51 จุด คิดเป็น -0.54% ที่ระดับ 25,162.41 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลง 21.59 จุด คิดเป็น -0.76% ที่ระดับ 2,818.37 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลง 96.78 จุด คิดเป็น -1.23% ที่ระดับ 7,774.12 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับลงอย่างหนัก โดยเฉพาะดัชนี S&P500 ปิดปรับร่วงลงด้วยอัตราเปอร์เซ็นที่มากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย. ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงจากรายงานผลประกอบการที่นาผิดหวังและความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก
• หุ้นเกือบทั่วโลกปรับตัวลงจึงกดดันตลาดหุ้นเกิดใหม่ ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เริ่มระมัดระวังการลงทุนจากความกังวลเกี่ยวกับจีนและตุรกี
• ความกังวลกับวิกฤตตุรกียังคงอยู่ในตลาด ขณะที่จีนกำลังจับตาค่าเงินหยวนที่อ่อนค่ามาที่ 6.9514 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ม.ค. ปี 2017 จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่น่าผิดหวัง และรายงานผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีไตรมาสแรกที่ออกมาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 13 ปี
• หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจาก TD Ameritrade ประจำชิคาโก กล่าวว่า ความกังวลที่ผสมผสานกันระหว่างวิกฤตในตุรกี ประกอบกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนจะประสบภาวะชะลอตัวได้ส่งผลกดดันตลาดต่างๆทั่วโลก
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับลงตามหุ้นสหรัฐฯ หลังจากรายงานบริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Tencent เผยรายงานผลประกอบการปรับตัวลง และข้อมูลที่น่าผิดหวังดังกล่าวได้กดดันหุ้นเทคโนโลยีในภูมิภาค
ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.38% ในช่วงเปิดตลาด ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -1.40%
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 33.25-33.40 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยเรื่องความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจของตุรกี