ผลกระทบที่ไม่ได้คาดหวังให้เกิดขึ้นภายใต้ภาวะ Trade war ระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่เกิดขึ้นจากนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนึ่งในนั้นก็คือ การที่เฟดอาจพิจารณาชะลอจังหวะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง
นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets ประเมินว่า หากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่ออัตราการเติบโตที่แท้จริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็มีโอกาสสูงที่ทางเฟดอาจพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ในปัจจุบันเฟดยังคงคาดการณ์ว่าจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 2ครั้งภายในปีนี้ โดยตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองไว้ว่า เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปี 2019
นักวิเคราะห์จาก Leuthold Group ประเมินว่า หากค่าเงินดอลลาร์ยังคงทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เฟดก็อาจจะต้องระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ยังได้คาดการณ์ว่านายทรัมป์อาจมีท่าทีที่อ่อนข้อให้กับจีนหรือประเทศคู่ค้ามากขึ้นเมื่อเข้าใกล้การเลือกตั้งกลางวาระ หรือหาก Trade war ได้กลายเป็นปัจจัยกดดันทางการเมืองให้กับนายทรัมป์และพรรคการเมืองของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเศรษฐกิจสหรัฐฯส่งสัญญาณของการชะลอตัวเป็นวงกว้าง นั่นก็จะกลายเป็นแรงกดดันให้กับนายทรัมป์อย่างหนักเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Bleakley Advisory Group ประเมินว่า ผลกระทบจากการขึ้นภาษีน่าจะไม่สามารถคงอยู่ในระยะยาวได้ ดังนั้น เฟดจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยที่จะส่งผลแค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น
ที่มา : CNBC