นักวิเคราะห์จาก McKinsey & Company ระบุว่า อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในประเทศจีนปัจจุบันนี้ ถือได้ว่าพัฒนาไปไกลมาก แต่ยังคงห่างไกลจากศักยภาพของประเทศคู่แข่งมากนัก
โดยเมื่อ 10 ปีก่อน บริษัทสัญชาติจีนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหุ่นยนต์สามารถตอบสนองความต้องการหุ่นยนต์ภายในประเทศตัวเองได้เพียงแค่ 5% เท่านั้น แต่ในปัจจุบันอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในประเทศได้พัฒนามากขึ้นจนสามารถครอบครองส่วนแบ่งในตลาดหุ่นยนต์ในประเทศได้ถึง 1 ใน 3
“แต่นั่นยังคงห่างไกลจากเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์จีนสามารถครอบครอบส่วนแบ่งในตลาดได้ 50% ภายในปี 2020 และ 70%ภายในปี 2025” นักวิเคราะห์กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทหุ่นยนต์จีนจะมีข้อได้เปรียบได้บรรดาตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากประเทศจีนเองก็เคยผ่านจุดที่ตัวเองเคยเป็นตลาดเกิดใหม่เช่นกัน
ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มผลักดันหุ่นยนต์สัญชาติจีนเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทสัญชาติจีนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหุ่นยนต์เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยในช่วงปลายปี 2017 บริษัทหุ่นยนต์จีนมีจำนวนมากกว่า 6,500 บริษัท ขณะที่ยอดขายหุ่นยนต์ของจีนในปี 2017 อยู่ที่ 4.22 พันล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อนหน้า เฉพาะยอดขายในส่วนของหุ่นยนต์บริการก็ขยายตัวได้มากถึง 28% จากเดิมในปีก่อนหน้าที่มียอดขายที่ 1.32 พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ เมื่อในปี 2016 จีนได้ส่งหุ่นยนต์สำหรับงานอุตสาหกรรมเข้าสู่ตลาดโลกเป็นจำนวนประมาณ 87,000 ตัว น้อยกว่าจำนวนหุ่นยนต์จากยุโรปและสหรัฐฯรวมกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การใช้งานหุ่นยนต์ในประเทศจีนเองก็ขยายตัวขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางแรงสนับสนุนให้เลือกใช้สินค้า Made in China จากภาครัฐ โดยเฉพาะหุ่นยนต์อัตโนมติสำหรับการผลิตและงานวิเคราะห์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น Foxconn ที่เป็นโรงงานประกอบโทรศัพท์ iPhone ที่มีการใช้งานหุ่นยนต์ที่เรียกว่า “Foxbot” สำหรับกระบวนการผลิตเพิ่มากขึ้นตั้งแต่ปี 2012 จนถึง 2016 พร้อมเปิดเผยว่า มีแผนที่จะทดแทนแรงงานคนด้วยเครื่องจักรมากขึ้นภายในระยะเวลาอีก 10 ปี
ที่มา : CNBC