• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 110.59 จุด คิดเป็น +0.43% ที่ระดับ 25,669.32 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้น 9.44 จุด คิดเป็น +0.33% ที่ระดับ 2,850.13 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 9.81 จุด คิดเป็น +0.13% ที่ระดับ 7,816.33 จุด
หุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้น ท่ามกลางรายงานเชิงบวกที่ว่าเกิดความคืบหน้าขึ้นสำหรับข้อขัดแย้งทางภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งเม็กซิโก
• รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า จีนและสหรัฐฯมีแผนจะเจรจาเพื่อกลับมาแก้ไขปัญหาทางการค้าให้ได้ก่อนการประชุมในเดือนพ.ย. ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการเศรษฐกิจของเม็กซิโก แสดงความคาดหวังว่า ข้อตกลงทางการค้าอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางสัปดาห์นี้
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในเช้าวันนี้ ตามการปิดแดนบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ หลังมีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีกำหนดการจะเข้าพบกันในช่วงเดือนพ.ย. ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ
• ดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิดทรงตัวแถว 22,260.67 จุด โดยที่ดัชนี Topix เปิดลดลง 0.06% ที่ระดับ 1,696.5 จุด ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.41%
• อ้างอิงจากรายงานของ Wall Street Journal ระบุว่า คณะผู้แทนทางการค้าจากจีนจำนวน 9 ราย จะเข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯในระหว่างวันที่ 22 – 23 ส.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศก่อนที่สองผู้นำมีกำหนดการจะหารือร่วมกันอีกครั้งในเดือนพ.ย.นี้
อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าวได้ช่วยหนุนให้ตลาดการเงินต่างๆมีการฟื้นตัวขึ้นได้ตามมาบางส่วน
• นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2561 และตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. ของไทย ขณะที่ปัจจัยสำคัญทางต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเจรจาในประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน พัฒนาการของวิกฤตในตุรกี สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินจากการประชุมประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็คสัน โฮล และบันทึกการประชุมเฟด (เมื่อช่วงต้นเดือนส.ค.) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนก.ค. ตลอดจนผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้นสำหรับเดือนส.ค.