· ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ก่อนที่จะเกิดการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังว่าการเจรจาดังกล่าวจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศลงได้
มีกระแสคาดการณ์กันว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนท่ีจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้และวันมะรืนนี้ อาจช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระยะยาวได้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 1.1421 ดอลลาร์/ยูโร แต่ยังคงอยุ่เหนือระดับต่ำสุดของปีนี้ที่ไปทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 1.3010 ดอลลาร์/ยูโร โดยช่วงนั้นค่าเงินยูโรลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 13 เดือน ท่ามกลางความกังวลเก่ียวกับวิกฤตค่าเงินในตุรกีที่อาจบั่นทอนภาคธนาคารยุโรป
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 96.248 จุด ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์กำลังเตรียมรอฟังรายงานประชุมเฟดในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ในการประชุม Jackson Hole Symposium ที่มีแนวโน้มจะกล่าวถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์จาก MUFG กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดอาจกำลังรอรายละเอียดจากเฟดในการประชุมกำหนดนโยบายธนาคารกลางประจำปีที่เมือง Jackson Hole เกี่ยวกับแนวทางการขขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะนี้ และคำว่า ณ ขณะนี้ อาจเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงต่อแนวทางการส่งสัญญาณชี้นำในอนาคตหรือไม่?
· ค่าเงินหยวนแข็งค่าติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยปรับแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ โดยอ้างอิงค่ากลางเงินหยวนของธนาคารกลางจีน จะเห็นได้ว่า ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าลงมา 0.55% ที่ระดับ 6.8485 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 10 ส.ค.
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า ค่าเงินหยวนมีการปรับอ่อนค่าตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย. กว่า 6.5% ท่ามกลางกลุ่มผู้กำหนดนโยบายในการหาทางจำกัดกระแสเงินไหลออก จากภาวะตึงตัวของสภาพคล่องในตลาด จากแผนของจีนที่จะส่งคณะผู้แทนทางการทูตไปยังสหรัฐฯในช่วงปลายเดือนนี้ จึงจุดประกายความคาดหวังที่ว่าการเจรจาทางการค้าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นหลังจากที่เคยเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
· วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค : คาดยูโรรีบาวน์ก่อนจะเคลื่อนตัวอ่อนค่าลงต่อ
Daily FX ประเมินว่า ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มจะรีบาวน์แข็งค่าขึ้นมาเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังค่าเงินยูโรดูจะสามารถหาแนวรับแถวระดับ 1.13 ได้ ทั้งนี้สัญญาณของการกลับตัวในเส้นRSI และลักษณะ Head and Shoulders ในกราฟราย 4 ช.ม. บ่งชี้ว่าค่าเงินมีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับมาแถว 1.15 ก่อนที่จะถูกแรงเทขายอ่อนค่ากลับลงมา
อย่างไรก็ตาม สำหรับกราฟรายวัน ภาพรวมระยะยาวยังคงเป็นทิศทางขาลงอย่างชัดเจน โดยค่าเงินยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงมานับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย. ทั้งนี้ หากราคาวันนี้สามารถปิดเหนือระดับ 1.1452 ซึ่งเป็นเส้น Fibonacci ที่ระดับ 38.2% ก็จะเปิดโอกาสให้ราคามีโอกาสขึ้นมาทดสอบบริเวณ 1.1527 77 ในขณะเดียวกัน หากราคาวันนี้ปิดต่ำกว่าระดับ 1.1329 ที่เป็นเส้น Fibonacci ที่ระดับ 50% ค่าเงินก็มีโอกาสอ่อนค่าลงไปถึงระดับ 1.1206 ซึ่งเป็นเส้น Fibonacci ที่ระดับ 61.8%
· บรรดาตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนมีกำหนดจะพบกันในสัปดาห์นี้ เพื่อเจรจาจุดยืนร่วมกันในประเด็น Trade war ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนให้อย่าคาดหวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันแบบ “เหนือความคาดหมาย” แต่อย่างใด
ตลาดต่างจับตาการประชุมครั้งนี้ เพื่อหาสัญญาณของการยุติสงครามทางการค้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างผลัดกันขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้กันไปมา แต่ไม่ควรคาดหวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะประสบความสำเร็จแบบเหนือคาดแต่อย่างไร เนื่องจาก “ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และการปกป้องตลาดภายในประเทศ ดังนั้น จึงคาดว่าจะไม่มีข้อตกลงแบบ “เหนือความคาดหมาย”
· Robin Brooks นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินแห่งชาติ ระบุว่า การเจรจาร่วมกันระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ จะมีหัวข้อสำคัญของเจรจาคือการอ่อนค่าของเงินหยวนและวิธีการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นหลัก
· นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC โดยเปิดเผยว่า รัสเซียไม่ใช่ประเทศเดียวที่รัฐบาลสหรัฐฯกำลังจับตาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการแทรกแซงการเลือกตั้งกลางวาระในปี 2018 นี้ แต่รวมไปถึง จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือด้วย
อย่างไรก็ตาม นายโบลตันไม่ได้ให้รายละเอียดหรือยกตัวอย่างเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศเหล่านั้นแต่อย่างใด แต่ได้ยืนยันว่าสหรัฐฯกำลังจับตาทั้ง 4 ประเทศอย่างใกล้ชิด
บทสัมภาษณ์ของนายโบลตัวเกิดขึ้นหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯควรขยายการเฝ้าระวังการแทรกแซงการเลือกตั้งออกไปนอกเหนือจากรัสเซีย
· นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มภาคธุรกิจ กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายของทีมบริหารของนายทรัมป์ ตั้งแต่เรื่องการค้า ตลอดจนเรื่องกลุ่มผู้อพยพและงบประมาณ ขณะเดียวกันคาดการณ์ระยะสั้นเกี่ยวกับการสนับสนุนทางเศรษฐกิจจากแผนปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันดูจะลดบทบาทลงไป
The National Association for Business Economics เผยผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่า 91% ของผู้ตอบแบบสอบถาม กล่าวว่า นโยบายการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในปัจจุบันจะส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ ขณะที่ 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยังมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะได้รับผลเชิงลบหากสหรัฐฯเลือกออกจากข้อตกลง NAFTA
รายงานจาก Dow Jones ระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่จากทั้งรัฐบาลสหรัฐฯและจีนต่างกำลังหาหนทางในการจัดการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้าที่อาจจะเป็นการเจรจาร่วมกันโดยตรงระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ภายในเดือน พ.ย. นี้
ขณะที่การเจรจาระดับล่างระหว่างบรรดาตัวแทนจากสหรัฐฯและจีน โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลจีนประกอบด้วยสมาชิก 9 คน นำทีมโดยรองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ที่จะพบกับนายเดวิด มัลพาส รองรัฐมนตรีด้านมหาดไทยแห่งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะจัดขึ้นในวันที่ 22 และ 23 ส.ค. นี้
· นายหลี่ เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า คณะรัฐบาลมีความตั้งใจจะสนับสนุนการผูกสัมพันธ์ข้อตกลงระหว่างสองประเทศ และการดำเนินการทางเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างประเทศมาเลเซีย ขณะที่ นายโมฮัมเม็ด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีการเดินทางเยือนจีน เพื่อหารือถึงประเด็นทางการค้าและการลงทุน ซึ่งการทำข้อตกลงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศจะยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในระยะยาว
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่กดดันตลาด
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลกลง 0.3% ที่ระดับ 71.60 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.3% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 65.69 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคของ Reuters ระบุว่า น้ำมันดิบ Brent และ WTI น่าจะถูกกดดันในเร็ว ๆ นี้ โดยทดสอบแนวรับบริเวณ 70.62 เหรียญ/บาร์เรล และ 64.83 เหรียญ/บาร์เรลตามลำดับ
· นักวิเคราะห์จาก DailyFX ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนตัวเหนือระดับแนวรับ 64.26 เหรียญ/บาร์เรล และ 63.96 เหรียญ/บาร์เรล โดยหากราคาปิดเหนือแนวต้าน 68.57 เหรียญ/บาร์เรลได้ ก็มีโอกาสไปที่ 69.89 - 70.41 เหรียญ/บาร์เรล