• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven หลังจากมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนที่กำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิจารณ์การดำเนินนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.3% ทำระดับต่ำสุดบริเวณ 95.83 จุด ก่อนจะเข้าสู่การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนคาดหวังว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างสองชาติมหาอำนาจจะผ่อนคลายลง ทางด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.34% ที่ระดับ 1.148 ดอลลาร์/ยูโร
ขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์เมื่อวานนี้ มาจากการที่นายทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ส โดยกล่าวในเชิงวิจารณ์ต่อเฟดที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเขาคิดว่าประธานเฟดจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และจะไม่ดำเนินการอย่างเข้มงวดจนเกินไป ขณะที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
• บรรดาดีลเลอร์ มองว่า การประชุมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้อาจถูกกำหนดไว้ก่อนที่จะเกิดการประชุมสุดยอดผู้นำร่วมกันระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในเดือนพ.ย. นี้
• หัวหน้านักกลยุทธ์ FX จาก BNP Paribas กล่าวว่า ตลาดการเงินมีการถือสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์ และบางส่วนก็เริ่มระมัดระวังต่อการเจรจาสัปดาห์นี้ ระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งอียู และญี่ปุ่นด้วย เพราะการเจรจากับคู่ค้าทั้งหมดนี้เราอาจได้ยินข่าวดี
• เหล่าเทรดเดอร์กำลังรอคอยรายงานประชุมเฟดคืนวันพุธ ประกอบกับการประชุมธนาคารกลางประจำปี Jackson Hole Symposium ที่มีแนวโน้มจะเห็นแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด
• นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ยังคงคาดหวังจะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งในปีนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ที่เพิ่มความเสี่ยงบางส่วนให้แก่แนวโน้มการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
• จีนและสหรัฐฯจะเริ่มเจรจากันอีกครั้งในเดือนนี้ ท่ามกลางความคาดหวังที่ว่าตัวแทนทั้งสองประเทศจะหาทางแก้ไขความตึงเครียดเรื่องภาษีการค้าระหว่างกันได้ ขณะที่นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวเตือนจีนว่า ไม่ควรประเมินนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯต่ำเกินไปในการแก้ไขปัญหาหรือผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวไม่แสดงความคาดหวังมากนักที่จะเห็นความคืบหน้าต่อการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยเขาไม่คิดว่าจะมีกรอบระยะเวลาในการสิ้นสุดข้อขัดแย้งทางการค้ากับจีน
• ภาคธุรกิจสหรัฐฯส่งข้อความถึงนายทรัมป์ว่า การึข้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากจีนครั้งใหม่มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ จะส่งผลให้ชาวอเมริกาจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นต่ออุปกรณ์ที่พวกเขาใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เปลเด็ก จนถึงจักรยานครันแรก และชุดแต่งงานจนถึงโลงศพ
ทั้งนี้ รายการภาษีที่นายทรัมป์หวังไว้ว่าจะเก็บจากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ จะประกอบไปด้วย อาหารทะเลจากจีน, เฟอร์นิเจอร์, สินค้าประเภทให้ความสว่าง, ยางรถยนต์, เคมีภัณฑ์, พลาสติก, จักรยาน, Car Seats สำหรับเด็ก เป็นต้น
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาไม่พอใจกับการดำเนินงานของเฟดภายใต้การบริหารของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่นายทรัมป์เป็นผู้เสนอชื่อเอง พร้อมเรียกร้องให้เฟดดำเนินงานเพื่อช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่านี้
นอกจากนี้ นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกในรอบหลายทศวรรษที่มีการกล่าวตำหนิการดำเนินงานของเฟด โดยในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมานายทรัมป์เคยสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดหลังเขาได้กล่าวตำหนิการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
• นายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แสดงความหวังว่ารัสเซียและสหรัฐฯจะสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งร่วมกันได้ แต่ก็เปิดเผยว่า หากทางสหรัฐฯไม่ตอบรับกับความประสงค์ดีของรัสเซีย เขาก็จะไม่ใส่ใจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รัสเซียกำลังเตรียมรับมือกับมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯฉบับใหม่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นการกดดันการส่งออกน้ำมันจากท่อส่งน้ำมัน Nord Stream 2 ซึ่งสหรัฐฯจะทำการประกาศมาตรการคว่ำบาตรในช่วงสิ้นเดือนนี้
• นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งองค์การสหประชาชาติ (U.N.) กล่าวชื่นชมการดำเนินงานร่วมกันของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในการโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือทำการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั่วโลก และได้ให้สัญญาจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่สำหรับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี ทาง U.N. จะมีการประชุมร่วมกันบรรดาผู้นำประเทศภายในช่วงปลายเดือน ก.ย. ซึ่งผู้จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เท่าที่ทราบเบื้องต้นจะมี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ, นายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และนายลี ยอง โฮ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งเกาหลีเหนือ
• รายงานจากธนาคารกลางเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีอาจชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3/2018 จากการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนและการก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง
• รัฐบาลอังกฤษจะกำหนดกลยุทธ์การส่งออกครั้งใหม่ในวันนี้ เพื่อสนับสนุนให้ภาคส่งออกขยายตัวได้ 35% ของจีดีพี เพื่อเตรียมความพร้อมหลังจากออกจากอียูในขณะที่ทั่วโลกมีความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มมากขึ้น
• ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นหลังจากที่ปรับร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลงเกินคาดของอุปทานน้ำมันดิบจากอิหร่าน กรณีที่ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร แต่ตลาดกังวลน้อยลงต่อภาวะ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เคยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 38 เซนต์ ที่ระดับ 72.21 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็น +0.5% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 52 เซนต์ คิดเป็น +0.8% ที่ระดับ 66.43 เหรียญ/บาร์เรล