ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ยังคงเป็นหอกข้างแคร่ที่รัฐบาลจีนกำลังพยายามเข้าควบคุมเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจในภาพรวม ท่ามกลางภาวะ Trade war กับสหรัฐฯที่กำลังร้อนระอุ
โดยนักวิเคราะห์จาก Macquarie ประเมินว่าปัญหาของตลาดอสังหาฯในประเทศจีนจะกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดภายในอีก 12 เดือนข้างหน้าและจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจีนยิ่งกว่า Trade war เสียอีก ซึ่งมีโอกาสจะเห็นการกลับตัวลดลงของราคาอสังหาฯ โดยเฉพาะในเมืองขนาดเล็ก หลังจากที่ราคาอสังหาฯได้ปรับสูงขึ้นมาอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้
ตามข้อมูลของ Noah Holdings การลงทุนในตลาดอสังหาฯคิดได้เป็น 2 ใน 3 ของปริมาณทรัพย์สินของภาคครัวเรือนในประเทศจีน จึงถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่องบประมาณของภาครัฐท้องถิ่น การกู้ยืมของธนาคาร และการลงทุนของบริษัท ดังนั้น หากราคาอสังหาฯเกิดการกลับตัวปรับลดลงมา อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนก็อาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก CEIBS ได้ระบุว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าการกลับตัวของราคาอสังหาฯจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับเดียวกัน ขณะที่ประชาชนจีนยังคงเชื่อว่า ราคาอสังหาฯยังมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากภาครัฐยังคงสลับนโยบายไปมาระหว่างการผ่อนคลายและการคุมเข้มเพื่อป้องกันการชะลอตัวของการอัตราการเติบโต
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคงคาดว่าภาครัฐยังมีแนวโน้มที่จะประกาศนโยบายคุมเข้มการลงทุนในภาคอื่นๆ เช่น ภาคโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญแรงกดดันจากความตึงเครียดทางด้าน Trade war กับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
ที่มา : CNBC