
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง 4 วันทำการ ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และเฟดควรพยายามเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจกว่านี้
ค่าเงินยูโรหลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 13 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีการปรับแข็งค่าขึ้นกลับมายืนเหนือ 1.1300 ดอลลาร์/ยูโรได้ ขณะที่ภาพทางเทคนิคของกราฟดัชนีดอลลาร์ จะเห็นว่าจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 13 เดือนก็เริ่มมีการอ่อนตัวกลับลงมา
โดยกราฟรายสัปดาห์ของดัชนีดอลลาร์ เป็นภาพ Bearish Shooting Star ในสัปดาห์ที่แล้ว และมีการทรงตัวใกล้กับระดับปิดในสัปดาห์ที่แล้ว จึงอาจทำให้เราห็นแพทเทิร์นกราฟเป็นแบบ Bearish Evening Star Reversal ได้ เช่นเดียวกับภาพทางเทคนิคของกราฟค่าเงินยูโร/ดอลลาร์ และในสัปดาห์นี้ มีโอกาสเห็นดัชนีดอลลาร์ปิดมาใกล้ระดับสำคัญของ Moving Average ราย 100 และ 200 แถว 95.50 จุดได้
สถานะของค่าเงินดอลลาร์ในตลาดอนุพันธ์ยังคงบ่งชี้ถึงภาวะแข็งค่า แม้จะมีการเผชิญแรงเทขายกลับลงมา ขณะที่ปริมาณการถือครองค่าเงินยูโรในตลาดมีการถือ Short มากที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน
ค่าเงินยูโร/ดอลลาร์ กำลังเข้าใกล้ระดับแนวต้าน 1.1616 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ภารายสัปดาห์ดูจะเป็นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนส.ค. ที่เราเห็นค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1.1567 ดอลลาร์/ยูโร จึงสะท้อนว่าการที่ค่าเงินยูโรจะกลับแข็งค่าขึ้นต่อต้องผ่านระดับนี้ไปให้ได้ โดยที่เส้น Fibonacci Retracement 61.8% ที่วัดจากจุดสูงสุดเมื่อเดือนก.ค. จนถึงระดับต่ำสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ว่าค่าเงินยูโรมีโอกาสใกล้ 1.1603 – 1.1616 ดอลลาร์ยูโร
ในทางกลับกัน ค่าเงินยูโรมีโอกาสกลับมาที่ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดแนวรับ 1.1553 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสำคัญรายวันและเส้นค่าเฉลี่ย Moving Average ราย 20 วัน โดยที่ระดับราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.1546 ดอลลาร์
นอกจาก ตลาดจะรอคอยรายงานการประชุมเฟดในคืนนี้ ตลาดก็ยังรอรายงานการประชุมของอีซีบีที่จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ประกอบกับการประชุม Jackson Hole Symposium ที่จะเริ่มต้นในช่วงปลายสัปดาห์ และทั้งหมดนี้อาจสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดค่าเงินสัปดาห์นี้ได้
ที่มา: Investopedia
