สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มขึ้น ได้กลับมาสร้างความตึงเครียดให้กับตลาดโลกอีกครั้ง หลังนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 25% เป็นมูลค่า 1.6 หมื่นล้านเหรียญ มีผลบังคับใช้เมื่อคืนที่ผ่านมา
ซึ่งทางการจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยนโยบายภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯที่มีมูลค่าเท่าเทียมกัน
สินค้าที่ถูกขึ้นภาษีรอบนี้มีอะไรบ้าง?
นโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯชุดล่าสุดได้ครอบคลุมไปยังสินค้าจากจีนทั้งหมด 279 รายการ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ พลาสติก สารเคมี อุปกรณ์สำหรับรางรถไฟ และตู้เย็น
ขณะที่นโยบายตอบโต้ของจีนได้ครอบคลุมไปยังสินค้าจากสหรัฐฯทั้งหมด 333 รายการ เช่น ถ่านหิน เศษทองแดง เชื้อเพลิง รถบัส และอุปกรณ์ทางการแพทย์
นอกจากนี้ สหรัฐฯยังมีการข่มขู่นโยบายขึ้นภาษีครั้งที่ 3 จะมีมูลค่าถึง 2 แสนล้านเหรียญ ซึ่งจะรวมรายการสินค้ามากกว่านโยบายภาษีชุดก่อนๆอีกด้วย และอาจจะเปิดเผยอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนหน้า
ผลกระทบที่เกิดขึ้นภายในสหรัฐฯ?
ถึงแม้นายทรัมป์จะอ้างว่านโยบายภาษีจะเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมและธุรกิจภายในสหรัฐฯเองก็ตาม แต่ก็มีบริษัทสหรัฐฯจำนวนมากที่ยื่นเรื่องต่อสำนักตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ โดยระบุว่า ธุรกิจของพวกเขาได้รับความเสียหายจากนโยบายภาษี
ซึ่งหลายๆบริษัทต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นโยบายตอบโต้จากจีนทำให้สินค้าของพวกเขามีราคาที่แพงขึ้น ขณะที่ปริมาณอุปสงค์ที่ลดน้อยลง
ขณะที่บรรดาธุรกิจที่พึ่งพาการนำเข้าจากจีน ต่างก็ระบุว่า นโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าที่ขายให้กับชาวสหรัฐฯเองก็มีราคาที่สูงขึ้นตาม
อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานว่าบางธุรกิจก็ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาษีดังกล่าว โดยสมาคมผู้ค้ากุ้งทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับกุ้งจากประเทศจีนอีกต่อไป และเชื่อว่ากุ้งจากประเทศจีนอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคอีกด้วย
การตอบโต้จากประเทศจีน?
จีนได้กล่าวโทษสหรัฐฯว่าเป็นผู้ทำให้สงครามการค้าขยายตัวแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่ทางจีนอาจไม่สามารถข่มขู่ด้วยการขึ้นภาษีได้มากเหมือนกับสหรัฐฯ เนื่องจากจีนมีการส่งออกสู่สหรัฐฯมากกว่าที่สหรัฐฯส่งออกสู่จีน
อย่างไรก็ตาม จีนอาจตอบโต้สหรัฐฯด้วยวิธีอื่นๆ เช่นการทำให้ธุรกิจสหรัฐฯสามารถดำเนินกิจการในจีนได้ยากลำบากมากขึ้นผ่านการเพิ่มต้นทุนการผลิตหรือการออกมาตรการคุมเข้ม เป็นต้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั่วโลก?
นักวิเคราะห์ชี้ หากเศรษฐกิจจีนได้รับความเสียหาย เศรษฐกิจโลกก็จะได้รับความเสียเช่นกัน
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า สินค้าหลายอย่างจำเป็นต้องได้รับการประกอบในขั้นตอนสุดท้ายที่โรงงานในประเทศจีน โดยเฉพาะสินค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง มาเลเซีย, อินโดนีเชีย, จนถึงสิงคโปร์
ขณะที่องค์กร IMF ได้ประเมินว่า หากสงครามการค้ายังคงยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ จะทำให้เศรษฐกิจโลกสูญเสียอัตราการเติบโตไปถึง 0.5% ภายในปี 2020
ลำดับต่อไปของสงครามการค้า?
นายทรัมป์เคยกล่าวไว้ในเดือน ก.ค. ว่า ในท้ายที่สุด สินค้านำเข้าทุกๆรายการจากจีนที่มีมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านเหรียญ จะถูกขึ้นภาษีทั้งหมด
ขณะที่ทางการจีนได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก ถึงความไม่ยุติธรรมของนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ
ที่มา : BBC