สัญญาทองคำยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ตลาด COMEX ปิดลดลงไปกว่า 11.5 เหรียญ กลับสู่ระดับ 1,191.81 เหรียญ โดยการร่วงลงของราคาเกิดขึ้นท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์
จะเห็นได้ว่า ดัชนีดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นมายืนเหนือ 95 จุด โดยมาแถวบริเวณ 95.58 จุดอีกครั้ง ท่ามกลางราคาทอคำที่ร่วงลงไปประมาณ 1% นั่นหมายความว่าการแข็งค่าที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดแรงเทขายเข้ามาในตลาดทองคำ
ขณะที่รายงานประชุมเฟดเดือนส.ค. เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย. นั่นหมายถึง การที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้นั่นเอง โดยที่เครื่องมือ FedWatchของ CME Group ปัจจุบัน คาดว่า มีโอกาสมากถึง 96% ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกันข้อขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นก็อาจส่งผลต่อกรอบเวลาขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้ เนื่องจากอาจทำให้พวกเขามีการยุติการขึ้นดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว หากข้อขัดแย้งทางการค้าดังกล่าวได้ขยายตัวเป็นวงกว้างภายใต้สภาวะ TRADE WAR นั่นเอง
ทั้งนี้ สหรัฐฯและจีนต่างมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันอีก 25% มูลค่า 1.6 หมื่นล้านเหรียญ
นักกลยุทธ์อาวุโสจาก U.S. Bank กล่าวว่า ในช่วงต้นราคาทองคำตอบรับกับข่าวรายงานประชุมเฟดที่ดูจะมีบางช่วงเหมือนจะมีท่าทีผ่อนคลายลง เนื่องจากในรายงานเฟดมีการบ่งชี้ถึงความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางการค้า และเป็นสิ่งที่พวกเขาจะเฝ้าดูต่อไป แต่รายงานเฟดก็ให้ความชัดเจนว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะดำเนินต่อไปด้วยการพิจารณาจากมุมมองการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
และนี่เป็นเหตุผลหลักสำหรับการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ และตราบเท่าที่เฟดมีการปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่สภาวะปกติด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ก็มีแนวโน้มว่าราคาทองคำจะยังถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: Kitco