· ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 95.44 จุด หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นได้เล็กน้อยหลังการประชุมระหว่างสหรัฐฯ-จีน จบลงโดยที่ไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้และมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นักวิเคราะห์จาก Mizuho Securities ประเมินว่า ตลาดกำลังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ในคืนนี้ โดยคาดว่านายโพเวลล์จะยังคงยืนยันว่าเฟดจะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปตามเป้า แม้จะถูกแรงกดดันทางการเมืองก็ตาม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็เชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังสามารถคงทิสทางแข็งค่าต่อไปได้
ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาเล็กน้อย 0.1% ที่ระดับ 111.39 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับอ่อนค่าไปเกือบ 0.7% หลังจากทราบรายงานประชุมเฟดคืนวันพุธ
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมาที่ 1.154 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงไปประมาณ 0.5% ในช่วงการซื้อขายก่อนหน้า
· อุปสงค์ความต้องการค่าเงินยูโรยังแข็งแกร่งในสัปดาห์ และขณะนี้ค่าเงินยูโรกลับมาเทรดแถว 1.1580 ดอลาร์/ยูโร หรือระดับสูงสุดรายวันได้
จะเห็นได้ว่า ค่าเงินยูโรมีระดับการซื้อขายที่แข็งค่าขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ โดยราคารีบาวน์ได้จากระดับต่ำสุดรอบ 13 เดือนในสัปดาห์ที่แล้วแถว 1.1300 ดอลลาร์ยูโรและหลังจากมีแรงเทขายกลับวันนี้ ก็ดูเหมือนค่าเงินยูโรจะกลับเป็นขาขึ้นได้แถวระดับสำคัญ 1.1600 ดอลลาร์/ยูโร
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจ คือ รายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ รวมทั้งประชุม Jackson Hole Symposium ซึ่งส่วนใหญ่ดูจะตั้งใจรอฟังสิ่งที่ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ออกมาแสดงความคิดเห็น แม้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่คาดหวังว่าจะเห็นอะไรแปลกใหม่จากเขา
ระดับสำคัญที่ต้องจับตามอง
นักวิเคราะห์จาก FXStreet มองว่า เป้าหมายต่อไปของค่าเงินยูโรจะอยู่ที่ 1.1623 ดอลลาร์/ยูโร (จุดสูงสุดเดิมเมื่อ 22 ก.ค.) และ 1.1629 ดอลลาร์/ยูโร (สูงสุดเดิมเมื่อ 8 ส.ค.) รวมทั้ง 1.1745 ดอลลาร์/ยูโร (สูงสุดดิมเมื่อ 31 ก.ค.) ในทางกลับกันหากค่าเงินยูโรหลุด 1.1535 ดอลลาร์/ยูโร (SMA 21วัน) และอาจมีเป้าหมายต่อไปที่ 1.1468 ดอลลาร์/ยูโร (SMA 10วัน) ขณะที่แนวรับหรือเป้าหมายด้านล่างถัดไปอยู่ที่ 1.1299 ดอลลาร์/ยูโร (ต่ำสุดเดิมเมื่อ 15 ส.ค.)
· ตามรายงานจาก Forex Factory นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดมีกำหนดจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม Jackson Hole คืนนี้ เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตามเวลาประเทศไทย
· นักวิเคราะห์จาก CNBC ประเมินว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด จะไม่มีการกล่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินในที่ประขุม Jackson Hole คืนนี้แต่อย่างใด ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนเห็นด้วยกับคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ นักวิเคราะห์บางส่วนจึงอาจจับตาสัญญาณเกี่ยวกับการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในคืนนี้ด้วยเช่นกัน
· รายงานประชุมเฟดเดือนส.ค. เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย. นั่นหมายถึง การที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้นั่นเอง โดยที่เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ปัจจุบัน คาดว่า มีโอกาสมากถึง 96% ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกันข้อขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นก็อาจส่งผลต่อกรอบเวลาขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้ เนื่องจากอาจทำให้พวกเขามีการยุติการขึ้นดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว หากข้อขัดแย้งทางการค้าดังกล่าวได้ขยายตัวเป็นวงกว้างภายใต้สภาวะ TRADE WAR นั่นเอง
· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งประเทศจีน ยืนยันจะตอบโต้สหรัฐฯในทุกๆครั้งที่พวกเขาทำการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน แต่นโยบายภาษีตอบโต้จากจีน จะหลีกเลี่ยงให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในจีนและประเทศใกล้เคียงให้น้อยที่สุด
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในภาพรวม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้าจะยังคงอยู่ในระดับเล็กๆก็ตาม แต่เขาได้แสดงความกังวลว่าอาจทำให้เกิดการสูญเสียตำแหน่งงานหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนจีนได้
· การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและเม็กซิโกภายใต้สนธิสัญญา NAFTA มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังคงไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการค้ารถยนต์ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายได้ โดยยังคงมีความขัดแย้งจากการที่สหรัฐฯต้องการเพิ่มมาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโก
· นายสก็อต มอร์ริสัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งออสเตรเรีย จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเรียคนต่อไป หลังจากที่เขาได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในการลงมติเลือกผู้นำในรัฐสภา ส่งผลให้ความขัดแย้งภายในรัฐสภาจบลงก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปในเดือน พ.ค. ปี 2019
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของนายสก็อต ไม่ได้ทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองออสเตรเรียจบสิ้นลงแต่อย่างใด หลังนายมัลคอร์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเรียคนปัจจุบัน ประกาศจะทำการลาอกจากตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้รัฐสภาอสสเตรเรียตกอยู่ในภาวะที่มีเสียงข้างมากอยู่ฝ่ายเดียว
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงชึ้น ท่ามกลางสถานการณ์การที่สหรัฐฯคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งคาดว่าจะลดปริมาณน้ำมันดิบลงอย่างมากในตลาด
โดยเทรดเดอร์ ระบุว่า อุปทานต่อความต้องการของตลาดน้ำมันค่อนข้างตึงตัว เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐกับอิหร่าน ซึ่งจะกำหนดเป้าหมายการส่งออกน้ำมันจากเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ที่ระดับ 75.19 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 68.32 เหรียญ/บาร์เรล