• ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น 0.3% บริเวณ 1,204.64 เหรียญ หลังปรับลดลงจากระดับสูงสุดของวันที่ 10 ส.ค. ที่ 1,214.28 เหรียญ โดยราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากความตึงเครียดทางสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
• นักวิเคราะห์จาก Lee Cheong Gold Dealers ประเมินว่า ทองคำถูกเทขายลงมาเมื่อขึ้นไปแตะระดับ 1,210 เหรียญ แสดงให้เห็นว่าไม่มีนักลงทุนต้องการถือครองทองคำที่ราคาสูงกว่าระดับดังกล่าว เนื่องจากแนวโน้มสูงที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. นี้ ส่งผลให้ความต้องการให้เงินดอลลาร์ยังคงมีสูงกว่า
• ราคาทองคำในปีนี้ปรับร่วลงไปกว่า 7.5% เนื่องจากทองคำสูญเสียฐานะ Safe-haven ไปท่ามกลางความความขัดแย้งทางการค้าและวิกฤติทางเศรษฐกิจของตุรกี ที่ส่งผลให้ตลาดมีความต้องการค่าเงินดอลลาร์มากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งถูกถือครองเป็น Safe-haven แทนทองคำ
• รัฐบาลสหรัฐฯจะปิดรับความคิดเห็นของสาธารณชนต่อนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ ภายในวันที่ 5 ก.ย. นี้
• นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตราบใดที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงอยู่ ค่าเงินดอลลาร์ก็จะได้รับแรงหนุนขณะที่ทองคำถูกกดดันลงมา
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะลงไปทดสอบแนวรับ 1,200 เหรียญ หากหลุดลงไปจะมีแนวรับที่ 1,193 เหรียญ แต่หากราคาสามารถทรงตัวในระดับปัจจุบันได้ ก็มีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นไปถึงระดับ 1,215 เหรียญ และต่อไปถึงระดับ 1,235 – 1,240 เหรียญ
• ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.6% บริเวณ 14.75 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทธินั่มปรับสูงขึ้น 0.9% บริเวณ 789.99 เหรียญ และราคาพลาเดียมปรับลดลง 0.1% บริเวณ 939.80 เหรียญ หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 956 เหรียญ
• นักวิเคราะห์จาก DailyFX มองว่า ภาพราคาทองคำเริ่มฟอร์มตัวเป็นขาขึ้นท่ามกลางตลาดที่มีสัญญาณ Oversold โดยเป้าหมายแรกของทองคำจะอยู่ที่ 1,210 เหรียญ ซึ่งหากราคาปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งจะมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,230 เหรียญ
แต่ทั้งนี้ ต้องจับตาการเคลื่อนไหวของดอลลาร์เป็นหลัก เพราะจะเป็นปัจจัยที่กดดันต่อราคาทองคำ