• ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.13% บริเวณ 94.75 จุด ปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดเมื่อคืนที่ 94.34 จุด แต่ยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางสถานการณ์ทางการค้าของสหรัฐฯ
โดยตลาดสหรัฐฯมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังสหรัฐฯสามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA กับเม็กซิโกได้ ซึ่งตลาดคาดหวังว่าแคนาดา รวมถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ จะกลับมาเข้าร่วมการเจรจากับสหรัฐฯได้ในภายภาคหน้า
ด้านค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนทรงตัวบริเวณ 111.25 เยน/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ลงมา 0.23% ที่บริเวณ 1.1667 ดอลลาร์/ยูโร
· สหรัฐฯจะทำการประกาศข้อมูลการปรับประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสที่ 2/2018 ในคืนนี้ หลังจากที่ประมาณการณ์ครั้งแรกออกมาที่ 4.1% และเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี จากชัยชนะของนายทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่ดูจะหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ประมาณการณ์ครั้งที่ 2 นี้ ถูกคาดว่าจะปรับลดลงจาก 4.1% เหลือเพียง 4.0% อันเป็นผลกระทบส่วนหนึ่งจากการที่สหรัฐฯทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและจีนมีการตอบโต้ด้วยวีธีการเดียวกันนั่นเอง
นอกจากนี้ การประกาศข้อมูลประมาณการณ์จีดีพีในครั้งอาจไม่สร้างความผันผวนเท่ากับการประกาศประมาณการณ์ในครั้งแรก แต่ก็อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟดหลังจากเดือนก.ย.ได้
· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมจีนในการหาวิธีสนับสนุนค่าเงินในช่วงที่สหรัฐฯและจีนประสบภาวะ Trade War โดยการที่ค่าเงินหยวนนั้นอ่อนค่าน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินในตลาดการเงินอื่นๆมากกว่าที่พวกเขาจะแทรกแซงค่าเงิน
แต่หากจีนมีการปรับให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางโครงสร้าง หรือการกระทำสำหรับกลุ่มผู้กำหนดค่าเงินก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการจัดการให้เหมาะสมเท่านั้น
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความอ้างว่า จีนเป็นผู้แฮคอีเมลล์ของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 2016 โดยที่ไม่มีการให้หลักฐานแต่อย่างใด
· Calvin Tse นักกลยุทธ์ FX จาก Citigroup กล่าวว่า ความชื่นชอบในเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าของทีมบริหารนายทรัมป์ และความเอาแน่เอานอนไม่ได้กับการออกนโยบายของพวกเขา ล้วนเป็นปัจจัยความเสี่ยงหลักของตลาดค่าเงิน
ถึงแม้ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นขาขึ้นได้จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับโอกาสที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯจะเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการเทขายเงินดอลลาร์ยังคงมีอยู่ในระดับต่ำ แต่นักลงทุนก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความเสี่ยงดังกล่าว
· รัฐบาลจีนเตือน เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความเสี่ยงท่มากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 และทางรัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณของการชะลอตัวจากปัจจัยด้านต้นทุนการผลิตนับตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะเกิดความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ รวมทั้งการขยายตัวด้านการลงทุนในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบรรดาผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ขณะที่ทางด้านรัฐบาลจีนก็ได้มีการออกนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนบรรดาธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถประคองตนเองผ่านการชะลอตัวของเศรษฐกิจไปได้
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากรายงานการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ แม้ว่ายอดส่งออกสู่อิหร่านเริ่มทยอยลดลง ก่อนหน้าที่สหรัฐฯจะใช้มาตรการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ลดลง 5 เซนต์ ที่ระดับ 75.90 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ร่วง 4 เซนต์ ที่ระดับ 68.49 เหรียญ/บาร์เรล