• ราคาทองคำปิดปรับลง 0.4% มาแถว 1,202 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดลดลง 0.3% ที่ระดับ 1,207.8 เหรียญ ท่ามกลางดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าตอบรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่แถวระดับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,200 เหรียญ และมีการเคลื่อนไหวแคบๆประมาณ 8 เหรียญเท่านั้นในช่วง 2วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนประเมินว่า หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่า 1,200 เหรียญ ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำกลับลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่งบริเวณ 1,159.96 เหรียญที่ทำไว้ในเดือนนี้ได้
• กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำ 2.06 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 757.81 ตัน
• นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ผลกระทบต่อราคาทองคำบางส่วนมาจากถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมแจ็กสันโฮล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ดูเหมือนจะมีท่าทีผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย และนักลงทุนให้ความสนใจกับมุมมองนั้น รวมถึงมุมมองความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจที่ผ่านมา แต่การจะเห็นราคาทองคำยืนเหนือ 1,200 เหรียญได้นั้นยังมีความไม่ชัดเจน จากแนวโน้มการดำเนินนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางดอกเบี้ยปี 2019
• รายงานจาก Fed Funds Futures ชี้ว่า ข้อมูลประมาณการณ์จีดีพีสหรัฐฯครั้งที่ 2 ได้ช่วยหนุนให้เฟดยังมีโอกาสมากถึง 96% ที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
• ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 94.662 จุด หลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์บริเวณ 94.434 จุดที่ทำไว้เมื่อวันอังคาร
• นักลงทุนทองคำกำลังให้ความสนใจไปยังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งประเทศอื่นๆด้วยเช่นกัน
• ราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกันในช่วง 5 เดือน โดยที่ราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2013 โดยภาพรวมปีนี้ปรับตัวลงไปแล้วประมาณ 7.7% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและวิกฤตค่าเงินของตุรกี ที่ทำให้นักลงทุนสนใจถือครองดอลลาร์เป็น Safe-Haven มากกว่าทองคำ
• หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงินจาก Monarch Networth Capital กล่าวว่า ทิศทางการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาทองคำ ขณะที่วิกฤตค่าเงินในตุรกีอาจส่งผลให้ทองคำปรับขึ้นได้ โดยราคาทองคำดูจะมีแรง Short-Covering บางส่วน ที่กระตุ้นให้ราคายังอยู่แถวระดับสำคัญ 1,200 เหรียญ ท่ามกลางการถือครองสถานะ Short ในตลาดที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
• ราคาซิลเวอร์ปิดลดลง 0.3% ที่ระดับ 14.67 เหรียญ ขณะที่ราคาแพลทินัมปิด -0.2% ที่ระดับ 795 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด -0.3% ที่ระดับ 962.2 เหรียญ หลังจากไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 9 ก.ค. ในคืนวันพุธที่ 967 เหรียญ