• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 137.65 จุด คิดเป็น -0.53% ที่ระดับ 25,986.92 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 12.91 จุด คิดเป็น -0.44% ที่ระดับ 2,901.13 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง -0.26% ที่ระดับ 8,088.36 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลดลงหลังจากที่ปรับขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยได้รับแรงกดดันจากกลุ่มผู้ค้าปลีก และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังมีข่าวที่ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯจะใช้แผนเพิ่มภาษีสินค้านำเข้า 2 แสนล้านเหรียญ ประกอบกับการลดสถานะในสินทรัพย์เสี่ยงก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวของสหรัฐฯ
• รายงานผลสำรวจจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า หุ้นยุโรปมีการฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ แต่ก็ยังล้มเหลวในการจะกลับไปบริเวณจุดสูงสุดของปีนี้ จึงดูเหมือนจะปิดปีนี้ได้ในแดนบวกแต่มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะมี Performance ที่ดีขึ้นในปีหน้า
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบในเช้านี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดปรับตัวลงหลังจากที่ปรับขึ้นมาได้ 4 วันทำการก่อนหน้า โดยนักลงทุนในตลาดมีความกังวลต่อแผนภาษีของนายทรัมป์
ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.77% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เช้านี้เปิด -0.47%
• นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-32.85 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ ต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อีก 3 ตัวที่จะประกาศในปลายสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีผลต่อเงินเฟ้อของสหรัฐ เพราะหากตัวเลขออกมาดีก็มีโอกาสให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เงินบาทปรับอ่อนค่าลง
• นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่าเงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลจากเงินไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตรระยะสั้น พร้อมมองว่าแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศจะไม่รุนแรง โดยเชื่อว่าจะเป็นการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป