• ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1,200.7 เหรียญ โดยภาพรวมปรับขึ้นได้ประมาณ 4% จากระดับต่ำสุดรอบ 19 เดือนเมื่อ 16 ส.ค. ที่ 1,159.96 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดปรับขึ้น1.7 เหรียญ คิดเป็น +0.1% ที่ระดับ 1,206.7 เหรียญ
• ราคาทองคำคืนวันศุกร์ปรับขึ้น แม้ค่าเงินดอลลาร์จะปรับแข็งค่าท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯข่มขู่จะทำการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
อย่างไรก็ดี ภาพรวมราคาทองคำปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนส.ค. โดยเดือนส.ค. ปรับลงไปกว่า 2% และภาพรวมปีนี้ปรับลงไปประมาณ 7%
• กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำการเทขายทองคำออกอีก 2.65 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 755.16 ตัน
• นักวิเคราะห์จาก High Ridge Futures กล่าวว่า ทองคำมีแรงหนุนบางส่วนจากความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในเรื่องภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางดอลลาร์ที่แข็งค่า
• รายงานจากบลูมเบิร์กเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า ทรัมป์เตรียมก่อ Trade War เพิ่มขึ้นกับทางจีนด้วยการจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ
• นักวิเคราะห์จาก Quantitative Commodity Research กล่าวว่า รายงานแผนของนายทรัมป์ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด และการอ่อนค่าบางช่วงของดอลลาร์ก็ได้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนทองคำ
อย่างไรก็ดี โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้และช่วงสิ้นปี ดูจะยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนักลงทุนส่วนมากจึงมีการเทขายทองคำที่ถือครองในกองทุน ETFs
• นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การเทขายอย่างต่อเนื่องของกองทุน ETFs และการทำสถานะ Short มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งยังเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความผันผวนให้แก่ราคาทองคำ แม้ว่าเราจะเห็นการดีดกลับของราคาได้ในระยะสั้นๆ
• ราคาซิลเวอร์ปิด -0.4% ที่ระดับ 14.48 เหรียญ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลงไปประมาณ 2% และภาพรวมเดือน ส.ค. ปิดร่วงกว่า 6% ซึางเป็นการร่วงลงรายเดือนมากที่สุด นับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2016
• ราคาพลาเดียมปิด +1.8% ที่ระดับ 982.6 เหรียญ โดยภาพรวมปิดแดนบวกในสัปดาห์ที่แล้ว และตลอดเดือนส.ค. ปิดขึ้นได้กว่า 5% ซึ่งเป็นการปิดรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2017
• ราคาแพลทินัมปิด -0.6% ที่ 784.2 เหรียญ และภาพรวมเดือนส.ค. ปิดลงไปประมาณ 5%