• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางนักลงทุนที่ต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย จากการที่สหรัฐฯและแคนาดายังคงปราศจากข้อตกลงร่วมกันในการเจรจาที่ผ่านมา
ค่าเงินดอลลาร์ปิดเดือนส.ค. ในทิศทางแข็งค่า โดยขยับขึ้นได้ 0.6% จากภาวะตึงเครียดทาวการค้า และในช่วง 4 จาก 5 เดือน ค่าเงินดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางที่แข็งค่า ขณะที่ภาพรวมปีนี้ขยับแข็งค่ามาประมาณ 9%
• นักกลยุทธ์จาก OANDA กล่าวว่า ข่าวเชิงบวกทางการค้าได้เริ่มขึ้นจากช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วจากกรณี สหรัฐฯและเม็กซิโกที่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่แล้วข่าวดีก็กลับกลายเป็นข่าวลบอีกครั้งจากแคนาดาและสหรัฐฯที่ถึงแม้จะเจรจาร่วมกันแต่ก็ไม่เห็นผลใดๆ และนั่นได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีการปรับแข็งค่า
• ในช่วงปลายตลาดดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.4% ที่ระดับ 95.106 จุด ขณะที่ค่าเงินแคนาดาดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.7% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ที่ระดับ 76.49
• ค่าเงินยูโรได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงประธานเฟดที่กล่าวว่า ข้อเสนอของอียูเกี่ยวกับเรื่องภาษีรถยนต์ “ยังไม่ดีเพียงพอ” จึงทำใหนักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจของยุโรป จากการที่ทีัมป์จ่อขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตโดยกลุ่มบริษัทฯรายใหญ่ของเยอรมนี
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมา 0.6% ที่ระดับ 1.1601 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับอ่อนค่าไป 0.3% ในคืนก่อนหน้า จากแรงกดดันเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีด้วย
• ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ปรับอ่อนค่าลง ตามค่าเงินเปโซของอาเจนตินาร์ ที่ปรับลงไปกว่า 1% ที่ระดับ 38 เปโซ/ดอลลาร์ หลังจากที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทรุดตัวไปกว่า 10% ส่งผลให้ภาพรวมเดือนส.ค. ปรับลง 27%
• WSJ ระบุว่า การเจรจาของเจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯและแคนาดาในวันศุกร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับข้อตกลง NAFTA ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และทางประธานาธิบดีสหรัฐฯจะทำการพูดคุยกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับแฟนการดำเนินการสำหรับข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องรักษาแคนาดาเอาไว้ในสนธิสัญญา NAFTA พร้อมเตือนสภาคองเกรสไม่ให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจาไม่เช่นนั้น เขาจะทำการยกเลิกสัญญา NAFTA ให้จบสิ้นลงทันที
โดยถ้อยแถลงของนายทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่การเจรจาสนธิสัญญา NAFTA กับแคนาดาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจบลงโดยไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเม็กซิโกได้แล้วก็ตาม
• นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนตั้งใจที่จะเดินหน้าปฏิรูปและต้องการทำงานร่วมกับทุกฝ่ายในการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจโลก โดยคำกล่าวของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางความภาวะ Trade War ที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ-จีน
• นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แสดงความมั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีนได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ขณะที่นายอาเบะมีกำหนดการจะเดินทางไปพบกับนายสีจิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. ซึ่งนายอาเบะก็แสดงความหวังว่าจะสามารถชวนให้นายจิ้นผิงให้เดินทางมาเยี่ยมเยือนญี่ปุ่นได้บ้างในอนาคต
• รัฐมนตรีกระทรวงการค้าแห่งสิงคโปร์ระบุว่า สนธิสัญญาทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในภาพรวมหลักๆได้ในเดือน พ.ย. นี้ หลังจากที่มีการเจรจาติดต่อกันมาถึง 6 ปี
โดยสัญญาทางการค้าครั้งนี้ จะถูกเรียกย่อๆว่า RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ที่จะประกอบไปด้วย 10 ประเทศสมาชิกในกลุ่ม ASEAN รวมทั้ง ออสเตรเรีย,อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, นิวซีแลนด์, และจีน
อย่างไรก็ตาม สัญญาการค้าฉบับนี้จะไม่รวมสหรัฐฯ ที่กำลังมีปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับจีน และก่อนหน้านี้สหรัฐฯก็ได้ถอนตัวออกจากสนธิสัญญา TPP ขณะที่ทางทำเนียบขาวก็ยืนยันว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯจะไม่เข้าร่วมการประชุมระหว่างบรรดาผู้นำประเทศในเดือน พ.ย. นี้
• คณะผู้ปกครองประเทศคูเวตจะเดินทางเยือนสหรัฐฯในวันนี้ เพื่อหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยที่ทางทำเนียบขาว ระบุว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือกันในเรื่องการค้า การลงทุน และการร่วมมือด้านความมั่นคงในการประชุมวันที่ 5 ก.ย. นี้
• รายงานกิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นขยายตัวได้ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ปรับขึ้นที่ระดับ 52.5 จุด จากระดับ 52.3 จุดในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากยังได้รับอานิสงส์จากยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่การลดลงของยอดการส่งออกอาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า
• ประชาชนจำนวนมากในรัสเซียได้เข้าร่วมการประท้วงเมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้แผนของรัฐบาลในการปรับเพิ่มอายุเกษียณ แม้ว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จะผ่อนคลายนโยบายการเพิ่มอายุเกษียณดังกล่าว
• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับลง จากแรงกดดันของความกังวลครั้งใหม่ในเรื่อง Trade War ที่อาจเป็นอุปสรรคต่ออุปสงค์พลังงาน แม้ว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ และปริมาณผลผลิตในเวเนซูเอล่าที่ปรับลดลง
น้ำมันดิบ Brent ปิดลง 35 เซนต์ ที่ระดับ 77.42 เหรียญ/บาร์เรล และน้ำมันดิบ WTI ปิดลง 45 เซนต์ ที่ระดับ 69.80 เหรียญ/บาร์เรล
ภาพรวมเดือนส.ค. น้ำมันดิบ Brent ปิด +4.3% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิด +1.5% โดยภาพหลักได้รับอานิสงส์จากปริมาณผลผลิตน้ำมันของเวเนซูเอล่าที่ปรับตัวลง ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านถูกจำกัดจากการที่สหรัฐฯใช้มาตรการคว่ำบาตรเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว