• ตลาดหุ้นยุโรปเปิดแดนบวกวันนี้ หลังจากที่มีการประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินจากอาร์เจนตินา จึงยิ่งตอกย้ำต่อภาวะความผันผวนในตลาดเกิดใหม่เมื่อไม่นานมานี้ โดยดัชนี European Stoxx600 เปิดปรับขึ้นประมาณ 0.25% ในช่วงเริ่มต้นเปิดตลาด โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นหลักส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวแดนบวก
อาร์เจนตินาร์ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินเมื่อวานนี้ เพื่อพยายามรักษาสมดุลงบประมาณปีหน้า อันประกอบไปด้วย มาตรการภาษีชุดใหม่ต่อยอดส่งออกและการปรับลดค่าใช้จ่ายภาครัฐฯ
ค่าเงินเปโซอ่อนค่าลงตอบรับข่าวอีก 3% และนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะยังคงอ่อนต่อในอีกหลายวัน
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางตุรกีให้คำมั่นว่าจะเริ่มขั้นตอนต่อไปในการต่อสู้กับสัญญาณความเสี่ยงเพื่อให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพในการประชุมวาระต่อไป โดยสัญญาณดังกล่าว ตอกย้ำว่าอาจเห็นการประกาศขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายเดือนนี้ โดยค่าเงินลีราก็ตอบรับกับข่าวดังกล่าวโดยปรับอ่อนค่ามา และจะเห็นได้ว่าปีนี้ค่าเงินลีราทรุดลงมาแล้วกว่า 40% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ในปีนี้
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนก็ยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดไปยังภาวะตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯและจีน หลังมีรายงานว่าจีนอาจเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญในสัปดาห์นี้
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นจากแรงเข้าซื้อหลังจากที่ปิดตลาดในแดนลบวานนี้ แต่ยังคงมีแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ภายในสัปดาห์นี้ ประกอบกับการที่อาเจนติน่าประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อเกื้อหนุนเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญีปุ่น ปรับ +0.2%
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง ขณะที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการค้าโลกที่ส่งผลให้เหล่านักลงทุนชะลอการลงทุน ทั้งรี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.1% ที่ระดับ 22,696.90 จุด หลังจากเคลื่อนไหวผันผวนระหว่างแดนบวกและแดนลบ
• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น หลังจากลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่เข้ามาหาซื้อสินค้าราคาถูกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และหุ้นธนาคาร อย่างไรก็ดีความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯข่มขู่จะทำการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนยังคงกดดันตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.1% ที่ระดับ 2,720.73 จุด
• กกร. มองว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจเติบโตผ่อนแรงลง จากการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงของการส่งออก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปรียบเทียบกับปีก่อน
แม้เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2561 จะขยายตัวสูงกว่าที่คาด โดยได้รับแรงหนุนมาจากการส่งออก, การท่องเที่ยว, การบริโภคภาคเอกชน และการผลิตภาคเกษตรที่ขยายตัวสูง ซึ่งเมื่อไตรมาสแรกบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกยังสามารถรักษาการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่องโดยเติบโตประมาณ 4.8% (YoY) อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ไตรมาสต่อไป อาจมีการชะลอตัวจากการส่งออกและการท่องเที่ยว