· ราคาทองคำปรับตัวขึ้น จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์และแรงทำ Short Covering รวมทั้งการเข้าซื้อทองคำในเอเชีย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่าสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้น
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้น 0.3% ที่ระดับ 1,199.68 เหรียญ หลังจากที่เมื่อวานนี้ไปทำระดับสูงสุดได้แถว 1,205 เหรียญโดยประมาณ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดปรับขึ้น 3 เหรียญ คิดเป็น +0.3% ที่ระดับ 1,204.3 เหรียญ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 746.91 ตัน
· ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดจาก TIAA Bank กล่าวว่า มีแรงซื้อที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ขณะที่ที่ปรึกษาจาก T-Commodity ในกรุงมิลาน กล่าวว่า การดีดกลับของราคา และภาวะ Oversold ได้ทำให้นักลงทุนเกิดการทำ Short-Covering แต่ก็มีโอกาสเห็นราคาทองคำปรับตัวลงได้ค่อนข้างมาก จากค่าเงินดอลลาร์ที่ดูจะปรับแข็งค่าขึ้นได้ต่อควบคู่กับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· บรรดาเทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ กล่าวว่า ราคาทองคำร่วงลงมาแล้วกว่า 12% จากจุดสูงสุดในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 1,365.23 เหรียญ และเมื่อไม่นานนี้เราจะเห็นได้ถึงกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดีย รวมไปถึงความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
· ยอดนำเข้าทองคำของอินเดียเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มทำระดับสูงสุดรอบ 15 เดือนจาการร่วงลงของราคาที่หนุนกลุ่มผู้ผลิตและการเพิ่มสต็อกสินค้า
· ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อการที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีกในเร็วๆนี้
· ตลาดการเงินให้ความสนใจกับรายงานการจ้างงานภาครัฐบาลในคืนนี้ เพราะจะส่งผลต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
· หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Geojit Financial Services ระบุว่า สัปดาห์นี้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯของภาครัฐบาลอาจยิ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์นั้นมีทิศทางแข็งค่า และกดดันทองคำได้ และมีแนวโน้มที่จะเห็นราคาอาจกลับลงไปแถว 1,140 เหรียญได้
· ราคาซิลเวอร์ปิดร่วงลงแตะ 14.14 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นสัปดาห์ไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่งบริเวณ 13.97 เหรียญ ทางด้านราคาแพลทินัมปิด +1% ที่ 790.9 เหรียญ และราคาพลาเดียมปิด +0.1% ที่ระดับ 973.5 เหรียญ