· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.17% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่บริเวณ 110.57 เยน/ดอลลาร์ หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจมุ่งเป้าแก้ไขปัญหาการค้ามายังญี่ปุ่นเป็นลำดับต่อไป
ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวที่บริเวณ 95.05 จุด หลังจากอ่อนค่าลง 0.2% เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยตลาดกำลังจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้
ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.05% บริเวณ 1.1617 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นได้ 0.15% ในภาพรวมรายสัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.2% บริเวณ 6.8410 หยวน/ดอลลาร์
· ในขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนชุดใหม่เป็นมูลค่าอีก 2 แสนล้านเหรียญภายในวันนี้ ผู้ประกอบการบางส่วนได้ออกมาเตือนว่า พวกเขาอาจจำเป็นมีการปลดคนงานออกบางส่วนเพื่อรองรับความเสียหายจากนโยบายภาษี ขณะที่บางส่วนระบุว่าพวกเขาอาจจำเป็นต้องปิดตัวลงเลยก็เป็นได้
โดยผู้บริหารแห่ง JLab Audio ตัวแทนจากกลุ่มผู้ประกอบการด้านเครื่องเสียงแห่งสหรัฐฯ ได้ยื่นเรื่องต่อสำนักตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ โดยระบุว่า JLab อาจจำเป็นต้องตัดจำนวนคนงานออกไปมากถึง 12% และอาจมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรองรับความเสียจากภาษ๊นำเข้าสินค้าจากอีก 25% ได้
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มจะไม่ถูก Shut down จากความขัดแย้งเกี่ยวกับงบประมาณก่อสร้างกำแพงชายแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก อย่างน้อยก็จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งกลางวาระในเดือน พ.ย. นี้
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ได้เคยข่มขู่จะ Shut down รัฐบาล ภายในวันที่ 30 ก.ย. ในเป็นเดดไลน์ของการลงมติในร่างงบประมาณ หากสภาไม่ยินยอมที่จะสนับสนุนงบประมาณสำหรับการก่อสร้างกำแพงชายแดน
· รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า บรรดากลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ และกลุ่มผู้ค้าปลีก มีแผนจะโน้มน้าวให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้แผนเก็บภาษีสินค้านำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ
โดยแผนการเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่จะเป็นการเรียกเก็บภาษีสินค้าทุกชนิดตั้งแต่จักรยานยนต์, ถุงมือเบสบอล จนถึงกล้องถ่ายรูปดิจิทัล ที่คาดว่านายทรัมป์จะประกาศแผนการดังกล่าวในวันนี้
· ผลสำรวจโดย Bloomberg คาดการณ์ว่า ECB มีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือน ก.ย. ปี 2019 จากเดิม -0.4% สู่ระดับ -0.2% ก่อนหน้าที่วาระของนายมาริโอ ดรากี้ ประธาน ECB จะสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค. ปี 2019
· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งเม็กซิโก แสดงความต้องการให้ความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯจบลงเสียก่อนที่เม็กซิโกจะร่วมลงนามในสนธิสัญญา NAFTA กับสหรัฐฯ
· รายงานข้อมูลกิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมของเยอรมนีชะลอตัวเกินคาดในเดือนก.ค. จึงเป็นหลักฐานเพิ่มขึ้นว่านโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
สำนักสถิติแห่งชาติเยอรมนี เผยว่า ข้อมูลคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ออกมาแย่ลงที่ 0.9% ขณะที่คาดการณ์จากรอยเตอร์สมองว่าจะขยายตัวได้ 1.8%
การปรับตัวลงล่าสุดนั้นเป็นผลมาจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง 3.4% จากเดือนมิ.ย. - ก.ค. ขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าของเยอรมนีจากต่างประเทศปรับตััวลงไป 4.0%
ทั้งนี้ นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยวิจารณ์การส่งออกของเยอรมนี และกล่าวหาว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร และส่งผลลบต่อภาคการผลิตในประเทศของสหรัฐฯ และนายทรัมป์ ได้เคยข่มขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีด้วย
· นายทาโร่ อะโซะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งญี่ปุ่น เปิดเผยว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาของบประมาณพิเศษสำหรับการบรรเทาทุกข์หลังเกิดภัยพิบัติติดต่อกัน จึงอาจไปกดดันการดำเนินงานนโยบายทางการเงินของรัฐบาลได้
ถ้อยแถลงของนายอะโซะ เกิดขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในเกาะฮอกไกโด ซึ่งเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นประสบภายในช่วงซัมเมอร์นี้
· รายงานจากสหรัฐฯระบุว่า สามารถตรวจพบ “หลักฐานจำนวนมาก” เกี่ยวกับการเตรียมใช้อาวุธทางชีวภาพของรัฐซีเรีย ในพื้นที่จังหวัด Idlib ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย พร้อมกล่าวถึงความเสี่ยงในการที่รัฐบาลซีเรียอาจตัดสินใจเข้าโจมตีจังหวัดดังกล่าวที่เป็นแหล่งกบดานของกลุ่มกบฏแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่อพยพของประชาชนซีเรียอีกด้วย
· ในภาพรวมรายสัปดาห์ที่เป็นทิศทางขาขึ้นของราคาน้ำมัน WTI ราคาสามารถปรับขึ้นเหนือ $68.00 ได้ก่อนที่จะปรับย่อตัวลงมาบริเวณ $67.00 จากแรงเทขายทำกำไร
ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันจะกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้นได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า ราคาจำเป็นต้องปรับขึ้นเหนือ $68.80 อีกครั้ง และถ้าหากสามารถคงทิศทางขาขึ้นได้ ตลาดสัปดาห์หน้าก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ระดับ 69.30 ที่เป็นระดับสูงสุดของวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา