• คืนวันศุกร์ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 79.33 จุด คิดเป็น -0.31% ที่ระดับ 25,916.54 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.22% ที่ระดับ 2,871.68 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.25% ที่ระดับ 7,902.54 จุด
โดยตลาดถูกกดดันจากถ้อยแถลงของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ดูจะเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจีน ขณะที่บริษัท Apple อาจได้รับผลกระทบจาก Trade War
ภาพรวมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.19% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -1.03% ซึ่งเป็นการปิดปรับลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. และดัชนี Nasdaq ปิด -2.25% โดยเป็นสัปดาห์ที่มีการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค.
• นายทรัมป์ มีการทวีตเตอร์ข้อความในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า บริษัทแอปเปิ้ลควรหลีกเลี่ยง “ความเจ็บปวด” หรือผลกระทบจากการดำเนินนโยบายภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ด้วยการย้ายฐานการผลิตสินค้าทั้งหมดจากจีนกลับมายังสหรัฐฯ
• แนวโน้มการขยายตัวของผลกำไรสหรัฐฯได้ช่วยลดความวิตกกังวลของกลุ่มนักลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่อานิสงส์ของผลประกอบการภาคบริษัทที่ดีนั้นอาจได้รับผลสะท้อนจากนโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคลที่ดูจะค่อยๆลดบทบาทลงไปในปีหน้า
รายงานจาก Thomson Reuters ระบุว่า ผลประกอบการในกลุ่ม S&P500 ปรับขึ้น 9.5% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 และคาดว่าจะส่งผลรวมให้ปีนี้มีผลประกอบการขยายตัวที่ 8.2%
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในเช้าวันนี้ จากประเด็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนีนิกเกอิเปิดปรับขึ้นเล็กน้อย และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิดทรงตัว
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์กรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 32.60-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจหลักๆ ของตลาด น่าจะอยู่ที่ประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางตุรกี ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด
• ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย