• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 กันยายน 2561

    13 กันยายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินหยวน หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯหาทางเจรจาการค้าครั้งใหม่กับทางจีนอยู่ จึงลดความต้องการค่าเงินดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven ลง

ค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ทรงตัวก่อนทราบการตัดสินใจของอีซีบีและบีโออีในการประชุมวันนี้

ดัชนีดอลลาร์ปรับลงมาประมาณ 0.5% ที่ระดับ 94.831 จุด ขณะที่ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.6% ที่ระดับ 6.8345 หยวน/ดอลลาร์ ตอบรับข่าวความหวังครั้งใหม่ในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจี

ขณะที่การประกาศดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ หรือ PPI ประจำเดือนส.ค. ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่งจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ากดดันค่าเงินดอลลาร์

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวบริเวณ 1.3046 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ปรับขึ้นได้ประมาณ 1% ในวันก่อนหน้า หลังจากที่บรรดาส.ส. มีการสนับสนุนข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตีอังกฤษ ขณะที่บีโออี ถูกคาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไปในการประชุมวันนี้

ขณะที่อีซีบีถูกคาดว่าจะคงนโยบายในการประชุมวาระนี้เช่นกัน และอาจมีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในสัญญาณชี้นำเพียงเล็กน้อย เพราะน่าจะยังกล่าวเชิงการสิ้นสุดโครงการเข้าซื้อพันธบัตรสิ้นปีนี้ และการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือประมาณเดือนก.ย.

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1627 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับขึ้นได้ประมาณ 0.2% เมื่อวานนี้ ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวที่ 111.21 เยน/ดอลลาร์

• ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว ระบุว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์จะทำการเชิญเจ้าหน้าที่จากจีนมาหารือประเด็นทางการค้าร่วมกันอีกครั้ง ท่ามกลางความตึงเครียดมากขึ้นที่ว่าสหรัฐฯกำลังเตรียมการจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ

นายแลร์รี่ คุดโลว์ ประธานสภาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ให้รายละเอียดกับสำนักข่าว Fox Business Network โดยระบุว่า นายสตีเฟน มนูชน เลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีการส่งเทียบเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดรายละเอียดใดๆเพิ่มเติม

• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อวานนี้พบว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 1 ปีครึ่ง สู่ระดับ -0.1% ในเดือนส.ค. ขณะที่ Core PPI ซึ่งไม่รวมภาคอาหารและพลังงานออกมาแย่ลงเช่นกันแตะ -0.1% จากเดิมที่ 0.1%

• รายงาน Beige Book ของเฟดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวได้ปานกลาง ท่ามกลางภาคธุรกิจที่กังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้า สำหรับมุมมองสมาชิกเฟดโดยส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นจะเกิดขึ้นในการประชุมระหว่าง 25 – 26 ก.ย.นี้

• นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด ระบุว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2-3 ปี โดยปราศจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยอัตราว่างงานแตะ 3.9% และเงินเฟ้อขยับใกล้ 2% ดังนั้น เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อในปีหน้าหรือช่วง 2 ปี

• นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวเชิงชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐฯในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่อาจนำไปสู่การยกระดับประสิทธิผลทางการผลิตอย่างยั่งยืน

• ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ในสหรัฐฯกว่า 85 ราย ร่วมกันประกาศต่อต้านนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวอย่างรุนแรง

• รายงานจากแคนาดาระบุว่า ตัวแทนการเจรจาของแคนาดากำลังยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯสามารถเข้าถึงตลาดผลิตภัณฑ์นมสดของแคนาดาได้อย่างจำกัด เพื่อเป็นการหาจุดยืนร่วมกันในการเจรจาภายใต้สนธิสัญญาNAFTA ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ

ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ระบุว่าการเจรจากับแคนาดาสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และทางแคนาดาก็มีความต้องการที่จะหาข้อตกลงร่วมกันอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ การเจรจา NAFTA ระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ใน 3 หัวข้อหลัก ซึ่งหนึ่งนั้น ก็คือปัญหาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนมสดของแคนาดา ตามมาด้วยปัญหาในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า และการปกป้องสื่อของแคนาดา

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแคนาดา ระบุถึงแผนจะเข้าพบกับสหรัฐฯต่อในวันนี้เพื่อหารือถึงข้อตกลง NAFTA เพิ่มเติม แต่ยังคงต้องดำเนินการร่วมกันอย่างมาก เนื่องจากข้อขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายยังคงมีอยู่

อย่างไรก็ดี สหรัฐฯมีความต้องการให้ข้อตกลง NAFTA สามารถบรรลุผลร่วมกันได้ภายในวันที่ 1 ต.ค.

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีอนุมัติให้รัฐบาลสามารถประกาศคว่ำบาตรองค์กรต่างชาติหรือบุคคลใดที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดา ส.ส. ในสภาว่าการดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นช้าเกินไป เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 8 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งการวาระ

อย่างไรก็ตาม การลงนามคำสั่งประธานาธิบดีครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปเก็บข้อมูล ซึ่งแตกต่างกับการลงนามครั้งก่อนๆโดยสิ้นเชิง

• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นภาคการผลิตของญี่ปุ่นปรับตัวลงในเดือนก.ย. หลังจากที่เดือนส.ค. ขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 7 เดือน เพราะได้รับผลกระทบจากสัญญาณความึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ส่งผลต่อกลุ่มผู้ส่งออกมากขึ้น

ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นขยายตัวได้ 1% จากค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

• กลุ่มสหภาพแรงงานและสังคมทำการปิดถนนในรัฐบรูโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เพื่อประท้วงต่อการที่รัฐบาลจะใช้มาตรการรัดเข็มขัด เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากไอเอ็มเอฟในการลดหนี้สินของประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งประชาชนไม่พอใจต่อมาตรการดังกล่าวที่จะส่งผลต่อการปรับลดภาคบริการตลอดจนรายได้ของชาวอาร์เจนตินา ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 31% ขณะที่ผู้นำอาร์เจนตินาต้องทำเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนสำหรับการลดค่าใช้จ่ายภายในประเทศ

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น โดยน้ำมันดิบ Brent พุ่งแตะ 80 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับข่าวการที่สหรัฐฯจะคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มที่อาจส่งผลต่อภาวะอุปทานน้ำมันโลกได้

น้ำมันดิบ Brent ปิดขึ้น 68 เซนต์ ที่ระดับ 79.74 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 12 พ.ค. บริเวณ 80.13 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.12 เหรียญ ที่ระดับ 70.37 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com