• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยรีบาวน์กลับจากระดับต่ำสุดรอบ 1 เดือนครึ่ง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง ประกอบกับความต้องการค่าเงินดอลลาร์ในฐานะSafe-Haven จากรายงานที่ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯจ่อเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวน 2 แสนล้านเหรียญ
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับอานิสงส์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับขึ้นแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ระดับ 94.926 จุด แม้ว่าภาพรวมจะอยู่ในทิศทางอ่อนค่าโดยมีการปรับตัวลงประมาณ 0.4%
.png)
• แม้ว่าข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯประจำเดือนส.ค. ออกมาไม่ค่อยดีนักหรือน้อยกว่าที่คาดที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวรายเดือนที่น้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน แต่ข้อมูลในเดือนก.ค. กลับปรับทบทวนขึ้นอย่างมากแตะ 0.7% เช่นเดียวกับข้อมูล Core Retail Sales ที่ไม่รวมภาคอาหารและพลังงานที่ออกมาแย่กว่าที่คาด 0.3% แต่ข้อมูลเดือนก่อนหน้าถูกปรับทบทวนขึ้นมาที่ 0.9% จึงยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในภาคการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคในไตรมาสที่ 3
.png)
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนยังเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯเดือนก.ย. ที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดและยังหนุนทิศทางความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ โดยออกมาที่ 100.8 จุด และข้อมูลเดือนก่อนหน้ามีการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นมาที่ 96.2 จุด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วน กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ได้ช่วยชดเชยข้อมูลเงินเฟ้อที่ประกาศออกมาไม่ค่อยดีนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่คิดว่าจะบั่นทอนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนนี้แต่อย่างใด
• นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชชิคาโก กล่าวเตือนเฟดให้ระมัดระวังต่อการขึ้นดอกเบี้ยเพราะอาจส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2019 ได้
• ค่าเงินยูโรช่วงต้นตลาดวันศุกร์มีการทำระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ก่อนที่ช่วงปลายตลาดจะปิดลดลง 0.5% ที่ระดับ 1.16325 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ปิด -0.3% ที่ระดับ 1.3063 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วง 31 ก.ค. ที่ 1.3145 ดอลลาร์/ยูโร จากการที่บรรดากลุ่มผู้นำยุโรปแสดงความคาดหวังว่าจะสามารถหาข้อตกลง Brexit ได้ภายในช่วง 2 เดือน
• เจ้าหน้าที่ประจำทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า นายทรัมป์มีแนวโน้มที่จะประกาศนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนฉบับใหม่เป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านเหรียญ อย่างเร็วที่สุดภายในวันนี้
อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีล่าสุดนี้อาจปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอีก 10% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าจากเดิมที่ทีมบริหารพิจารณาไว้ที่ 25% ขณะที่ทางทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประเด็นนี้
• นายไมเคิล โฟลแมน อดีตตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯในสมัยรัฐบาลบารัค โอบามา เสนอคำนะนำให้กับทีมบริหารของนายทรัมป์ โดยระบุให้ทีมบริหารมุ่งเน้นการทำงานไปที่ปัญหาทางการค้าระหว่างที่ “ดำเนินมาอย่างยาวนาน”
• สำนักข่าว Wall Street Journal ระบุว่า รัฐบาลจีนอาจพิจารณายกเลิกการเจรจาทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯในวันที่ 20 ก.ย. นี้ หากสหรัฐฯทำการปรับขึ้นภาษีอีกรอบจริง แม้ทางสหรัฐฯจะเป็นฝ่ายเรียกร้องให้เกิดการเจรจาครั้งใหม่นี้ก็ตาม
• ราคาบ้านในจีนปรับขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนส.ค. ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี จึงสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการจะหนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของประเทศที่อาจเกิดจากภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
• นายกรัฐมนตรีออสเตรีย กล่าวก่อนเข้าพบกับ นางอังเกลาร์ แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยระบุว่า ทางออสเตรียและเยอรมนีมีความเห็นพ้องจะดำเนินการทุกทางที่เป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีการออกจากอียูของอังกฤษโดยปราศจากข้อตกลงทางการค้า
• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงในคืนวันศุกร์ จากความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม จึงสกัดปัจจัยบวกในช่วงต้นตลาดเกี่ยวกับการคว่ำบาตรอิหร่านจะช่วยจำกัดอุปทานน้ำมันในตลาด ขณะที่ภาพรวมน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วปรับขึ้นประมาณ 1.6%
น้ำมันดิบ Brent ปิดอ่อนตัวลงหลังมีรายงาน Trade War ล่าสุด โดยปิดลดลง 9 เซนต์ ที่ระดับ 78.09 เหรียญ/บาร์เรล โดยช่วงต้นตลาดไปทำ High ที่ 78.94 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดอ่อนตัวลง 40 เซนต์ ที่ 68.99 เหรียญ/บาร์เรล