• ราคาทองคำปรับตัวขึ้นท่ามกลางตลาดหุ้นที่อ่อนตัวและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า โดยตลาดมีความกังวลเล็กน้อยต่อประเด็นตึงเครียดทางการค้าล่าสุดของจีนและสหรัฐฯ จึงเห็นราคาทองคำปรับขึ้นเหนือ 1,200 เหรียญอีกครั้งมาแถว 1,203 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับขึ้น 0.3% ที่ระดับ 1,206.5 เหรียญ
• นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก DailyFX กล่าวว่า ข่าวการเรียกเก็บภาษีนำเข้าครั้งใหม่ไม่ได้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเท่าที่คาด และทำให้ราคาส่งผลสะท้อนกลับในทิศทางตรงกันข้าม
• จีนและสหรัฐฯมีความบาดหมางกันรุนแรงขึ้นโดยเมื่อวานนี้จีนมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯจำนวน 6 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่นายทรัมป์เตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมากถึง 2 แสนล้านเหรียญ
• แม้ราคาจะปรับตวขึ้นได้บ้างแต่ราคาทองคำภาพรวมก็ยังคงร่วงลงกว่า 12% นับตั้งแต่ระดับสูงสุดเมื่อเดือนเม.ย. ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่พากันเข้าซื้อดอลลาร์เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศคู่ค้าที่ขัดแย้งกัน
• หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Wing Fung Precious Metals กล่าวว่า นักลงทุนลงทุนตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์และรอคอยประชมเฟดที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า ขณะที่ภาพรวมทองคำระยะสั้นและระยะกลางของทองคำดูจะเคลื่อนไหวภายในกรอบระหว่าง 1,190-1,210 เหรียญ โดยมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นบางส่วนจากตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง
• นักลงทุนพันธบัตรมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดน่าจะทำการขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2019 ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และข้อมูลเงินเฟ้อที่ดูจะขยับขึ้นเหนือเป้าหมาย 2% ได้
• ราคาซิลเวอร์ขขยับขึ้น 0.3% ที่ 14.16 เหรียญ ทางด้านราคาแพลทินัมปรับขึ้น 0.9% ที่ 816.7 เหรียญ หลังจากไปทำระดับสูงสดนับตั้งแต่ 13 ส.ค. ที่ 817.9 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.5% ที่ 1,014.5 เหรียญ หลังไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่14 มิ.ย. บริเวณ 1,015 เหรียญ
• นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi ระบุว่า ราคาทองคำทรงตัวแถว 1,200 เหรียญมาตลอดช่วง 5 สัปดาห์นี้ ขณะที่การเลือกตั้งวาระกลางเทอมของสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 2 เดือนอาจเห็นผลลัพธ์ของการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ได้ และนั่นจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ โดยหากพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร์เดือนพ.ย.นี้ได้ ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์ปรับตัวลงมาอ่อนค่าได้ และนั่นจะเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อราคาทองคำ
นอกจากนี้ ตลาดเริ่มมีการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงจากข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ก็มีความอันตรายอยู่จากภาวะความเสี่ยงทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบได้
อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ถือเป็นปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ซึ่งหากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งตามคาด และนายทรัม์ได้รับความน่าเชื่อถือในการเลือกตั้งจากนโยบายปรับลดภาษีของเา ก็อาจเห็นเฟดยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อให้เงินเฟ้อขยายตัวต่อไปได้