MTS Help Center

Jing Ulrich ประธานฝ่ายบริหารและรองประธานแห่ง J.P. Morgan สาขาเอเชียแปซิฟิก ประเมินว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เกิดจากการขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมา อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่จะยืดเยื้อเป็นระยะเวลายาวนาน

ทั้งนี้ ถึงแม้ตลาดจะมองว่าการขึ้นภาษีครั้งล่าสุด ไม่ได้รุนแรงมากเท่าที่หลายๆฝ่ายกังวล จึงมีความความหวังที่ทั้ง 2 ฝ่ายอาจกลับมาเจรจากันได้ แต่ความเป็นจริงอาจเลวร้ายกว่านั้น เนื่องจากทั้ง 2 มหาอำนาจมาจากคนละวัฒนธรรม จึงมีเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

Jing Ulrich กล่าวในประชุม World Economic Forum ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน โดยระบุว่า “ มีความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งทางการค้าครั้งนี้จะกลายเป็นสงครามเย็นทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี เนื่องจากทั้งสหรัฐฯและจีน ต่างก็อยากเป็นผู้นำในด้านนี้ และทั้งคู่ก็ต่างมีผลงานบุกเบิกนับหลายครั้ง”

“จีนนำหน้าสหรัฐฯถึง 5 ปี”

จีนกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิรูปทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการปรับให้เศรษฐกิจสามารถยืนหยัดได้โดยพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศมากกว่าภาคการผลิต นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการออกนโยบาย "Made in China2025" เพื่อช่วยกระตุ้นการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีในประเทศ

Arun Sundararajan ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจประจำ New York University ระบุว่า จีนมีความก้าวหน้าเกี่ยวกับการประยุกษ์เทคโนโลยีเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากกว่าสหรัฐฯถึง 5 ปี อย่างไรก็ตาม ในด้านการวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial intelligence สหรัฐฯเป็นฝ่ายที่มีความก้าวหน้ามากกว่าจีน สำหรับในส่วนของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ญี่ปุ่นกลับมีความก้าวหน้ามากกว่าทั้ง 2 ประเทศ