• วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค : ค่าเงินไม่ผ่านแนวต้านที่ $1.1800 แต่แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้น
ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ (EUR/USD) ปรับแข็งค่าขึ้นทดสอบบริเวณ $1.1800 ก่อนที่จะปรับย่อตัวกลับมาปิดตลาดแทบจะทรงตัวเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า ค่าเงินยูโรยังคงอยู่ในทิศทางขึ้น แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านแนว $1.1800 ไปได้ ก็อาจไม่สามารถทำกำไรได้มากนัก
ทั้งนี้ หากค่าเงินอ่อนค่าหลุดระดับ $1.1690/00 ลงมา (เส้นเทรนขาขึ้นระยะสั้น) จะเป็นการล้มล้างทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังระหว่าง $1.1650 (เส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วัน) และ $1.1700 ไปต่อสักระยะ
สำหรับเป้าหมายของทิศทางขาขึ้นวันนี้จะอยู่ที่ $1.1800 และ $1.1850
ระดับแนวรับ
แนวรับ 1: 1.1750
แนวรับ 2: 1.1720
แนวรับ 3: 1.1675
ระดับแนวต้าน
แนวต้าน 1: 1.1690
แนวต้าน 1: 1.1725
แนวต้าน 1: 1.1750
• ตัวแทนจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีกำหนดจะร่วมเจรจาทางการค้าภายในคืนวันอังคารนี้ ณ เมืองนิวยอร์กของสหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าทางญี่ปุ่นอาจถูกสหรัฐฯกดดันให้ดำเนินการลดยอดเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ จะเป็นตัวแทนการประชุมร่วมกับนายโทชิมิทสึ โมเทกิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น โดยมีกำหนดการเดิมสำหรับการประชุมในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ถูกเลื่อนออกมาเป็นคืนวันอังคารนี้แทน ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้าการเจรจาโดยตรงระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการประชุมของบรรดาเลขาธิการแห่งองค์การสหประชาชาติ
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายร็อด โรเซนสไตน์ รองอัยการสูงสุดแห่งสหรัฐฯ และที่ปรึกษาพิเศษสำหรับการสืบสวนกรณีแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 มีกำหนดการจะเจรจากันในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อตัดสินว่านายร็อดจะดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ โดยนายร็อดได้เคยส่งสัญญาณว่าเขาต้องการลาออกจากตำแหน่งในช่วงก่อนหน้านี้
• สมาคมอุตสาหกรรม DBI แห่งเยอรมนี ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีในปี 2018 ลงสู่ระดับ 2.0% จะเดิมที่ 2.25% ขณะที่การส่งออกคาดการณ์จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.5% จากเดิมที่ 5% ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ที่จะอ่อนแอลง จากความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแรงกดดันจากการเจรจา Brexit ที่ยังคงยืดเยื้อ
• พรรค Labor Party ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอังกฤษมีกำหนดจะเปิดโหวตหลังจากที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังไม่สามารถเจรจากับทางสหภาพยุโรปได้ จึงมีโอกาสเห็นการลงประชามติครั้งที่ 2 ว่าอังกฤษควรอยู่หรือไปในอียู
ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่อังกฤษจะออกจากอียู นางเมย์ ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับทางอียูได้ ประกอบกับแผนการผูกสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคตก็ดูเหมือนจะถูกปฏิเสธจากอียูและสมาชิกภายในพรรคของเธออยู่
ทั้งนี้ พรรค Labour ได้มีการลิสต์ 6 แบบทดสอบที่อาจยอมรับต่อข้อตกลง Brexit ได้ ประกอบไปด้วยการรับประกันความมั่นใจต่อความสัมพันธ์กับอียูจะอยู่อย่างยั่งยืน และประโยชน์ที่อังกฤษจะได้รับจากการเข้าสู่ตลาดเดี่ยว รวมทั้งสหภาพศุลกากร
• ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในการประชุมนโยบายการเงินวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัว และสร้างความมั่นคงให้กับค่าเงินเปโซที่ผันผวน
• นายหวัง โชเหว่ย รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีน ระบุว่า จีนจำเป็นต้องทำการตอบโต้สหรัฐฯด้วยนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ที่รวมสินค้าในกลุ่มก๊าซธรรมชาติไปด้วย จึงอาจทำให้บรรดาผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯได้รับผลกระทบจากนโยบายตอบโต้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีตอบโต้ของจีน อาจเป็นการสร้างโอกาสให้กับบรรดาผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายอื่นๆได้ โดยที่ออสเตรเรียถือว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญที่สุดรายหนึ่งของจีน
ทั้งนี้ นายหวังยังได้ระบุอีกว่า เป็นเรื่องยากที่จะสามารถเจรจากับสหรัฐฯได้ หากสหรัฐฯยังคงมีการข่มขู่จีนด้วยการขึ้นภาษี เปรียบเสมือนการ “เอามีจ่อคอ” อยู่แบบนี้ ส่วนการเจรจาจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ ”เจตจำนง” ของสหรัฐฯเป็นสำคัญ
• นายหวัง อี้ เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงแห่งประเทศจีน ระบุว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เปรียบเสมือนความพ่ายแพ้ของทั้งคู่ และการเจรจากับสหรัฐฯจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ท่ามกลางแรงกดดันและการข่มขู่ด้วยการขึ้นภาษี
• กระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯอนุมัติยอดขายชิ้นส่วนเครื่องบินรบรุ่น F-16 และอากาศยานทางทหารอื่นๆ สู่ไต้หวันเป็นมูลค่า 3.30 ร้อยล้าน
ขณะที่ทางการจีนออกมาแสดงความไม่พึงพอใจต่อการซื้อขายดังกล่าว โดยอ้างว่าไต้หวันอยู่ภายในพื้นที่ของประเทศจีน
.png)
• วิเคราะห์ราคาน้ำมัน WTI ทางเทคนิค: ทิศทางขาขึ้นเผชิญแนวต้านที่ $73.00
นักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า ราคาน้ำมันระยะสั้นยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น
โดยวิเคราะห์ได้จากการเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 50, 100 และ 200 วัน แต่สำหรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วัน เริ่มที่จะเคลื่อนไหวแบบทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังเริ่มสูญเสียแรงหนุนขาขึ้น ขณะที่เส้น RSI และ Stochastics เริ่มส่งสัญญาณว่าตลาดกำลังจะออกจากภาวะ Overbought
ทั้งนี้ หากราคาไม่สามารถปรับขึ้นเหนือ $73.00 ก็มีแนวโน้มที่จะย่อกลับลงมาที่บริเวณ $70.00
แนวโน้มหลัก : ขาขึ้น
แนวต้าน 1: 72.00
แนวต้าน 2: 73.00
แนวต้าน 3: 75.00
แนวรับ 1 : 71.41-63 (ระดับสูงสุด 4 ก.ย. – 13 ก.ค.)
แนวรับ 2 : 70.53 (ระดับต่ำสุด 24 พ.ค.)
แนวรับ 3 : 70.00
• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 4 ปี ท่ามกลางประเด็นการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ รวมทั้ง
ความไม่แน่นอนอย่างเห็นได้ชัดจากกลุ่มโอเปกและรัสเซียในการเพิ่มผลผลิตเพื่อดำเนินการเพิ่มอุปทานตลาดโลก
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ระดับ 81.50 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.3% ที่บริเวณ 72.28 เหรียญ/บาร์เรล