• ราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.3% บริเวณ 1,188.41 เหรียญ ขณะที่ในช่วงบ่ายราคาปรับลดลงต่อเนื่องมายังบริเวณ 1,186.55 เหรียญ ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปที่คาดการณ์ไว้ 4 ครั้งสำหรับปี 2019 และอีก 1 ครั้งในปี 2020
ด้านราคาสัญญาทองคำปรับตัวลดลง 0.3% บริเวณ 1,192.30 เหรียญ
• นักวิเคราะห์จาก OCBC คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวตามค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งจากแรงหนุนของนโยบายทางเศรษฐกิจของทีมบริหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่สัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำจะมีความผันผวนต่ำ เนื่องจากตลาดจีนปิดทำการเนื่องในวันชาติทั้งสัปดาห์
• ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ปรับร่วงลงมากว่า 13% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือน เม.ย. ท่ามกลางแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับ Trade war ที่ส่งผลให้นักลงทุนเข้าหาค่าเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าทองคำ
• รายงานจาก Reuters ระบุว่า สหรัฐฯและแคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลงภายใต้สนธิสัญญา NAFTA ได้สำเร็จ โดยในข้อตกลงจะเปิดให้บรรดาเกษตรกรสหรัฐฯสามารถเข้าถึงตลาดนมสดของแคนาดาได้มากขึ้น ขณะที่แคนาดาจะได้รับการยกเว้นภาษีส่งออกรถยนต์สู่สหรัฐฯ
• นักวิเคราะห์จาก OANDA ประเมินว่า ราคาทองคำในระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาลงโดยสมบูรณ์ และมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,190 เหรียญ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าได้ต่อเนื่อง เนื่องจากแรงหนุนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม ราคทองคำมีแนวโน้วที่จะสามารถรีบาวน์ได้แถวแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,160 เหรียญ
• ด้านราคาพลาเดียมปรับลดลง 0.7% บริเวณ 1,065.41 เหรียญ หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ที่ระดับ 1,094.60 เหรียญ ในช่วงตลาดก่อนหน้า
ขณะที่ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.3% บริเวณ 14.55 เหรียญ และราคาแพลทตินั่มปรับลดลง 0.4% บริเวณ 808.60 เหรียญ
· ผลสำรวจจาก Kitco บ่งชี้ว่า เสียงส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำส่วนใหญ่กว่า 59% มองว่าราคาทองคำจะปรับลดลงต่อในสัปดาห์นี้ ขณะที่บรรดานักลงทุนทั่วไปกลับมีความคิดเห็นผสมผสานกันอยู่ที่ 42%
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Kitco ระบุว่า ผลการประชุมเฟดล่าสุดที่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% พร้อมมองการขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ชี้ว่ามีโอกาส79.2% ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ การคุมเข้มทางการเงินของเฟดดูจะส่งผลให้เกิดแรงเทขายเข้ามาในตลาดทองคำและทำให้ค่าเงินดอลลาร์พลิกกลับมาเป็นทิศทางแข็งค่า ซึ่งการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์นอกจากจะตอบรับกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแล้วยังได้อานิสงส์จากตลาดหุ้นสหรัฐฯในแดนบวก และการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตลาดเป็นสภาวะ Risk-On จึงเห็นตลาดหุ้นมีการทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ และภาพของตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น และปัจจัยต่างๆเหล่านี้ยังคงกดดันราคาทองคำต่อไป
ในเชิงเทคนิคราคาทองคำจะมีแนวรับที่ 1,178 เหรียญและ 1,164 เหรียญตามลำดับ ซึ่งเป็นแนวต่ำสุดในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนส.ค. ขณะที่แนวต้านแรกจะอยู่ที่ 1,200 เหรียญ และแนวต้านสำคัญที่1,218 เหรียญ