• ราคาทองคำระหว่างวันปรับตัวสูงขึ้น 0.4% บริเวณ 1,192.62 เหรียญ ท่ามกลางแรงหนุนจากความสำเร็จในการเจรจาสัญญา NAFTA ระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา ส่งผลให้ความกังวลเกี่ยวกับ Trade war เริ่มผ่อนคลายลงไป
ด้านราคาสัญญาทองคำตลาด COMEX ปรับสูงขึ้น 0.4% บริเวณ 1,196.40 เหรียญ
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงหลังจากที่เปิดตลาดทรงตัววันนี้ โดยดัชนี MSCI ปรับลดลงเกือบ 1%ท่ามกลางตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก จึงกดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
• นักวิเคราะห์จาก Wing Fung Precious ประเมินว่า เนื่องจากราคาทองคำได้ทรงตัวแถว 1,190 เหรียญ เป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน ส่งผลให้มีความต้องการในทองคำมากขึ้นแถวระดับดังกล่าว
• ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อความขัดแย้งทางการค้ามากขึ้น หลังสหรัฐฯและแคนาดาสามารถหาข้อตกลงภายใต้สนธิสัญญา NAFTA ร่วมกันได้ ก่อนที่จะถึงกำหนดการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
• นักวิเคราะห์จาก National Australia Bank ประเมินว่า ราคาทองคำมีแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่ค่อนข้างทรงตัว โดยประเมินว่าทองคำจะมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,180 – 1,210 เหรียญในระยะสั้น การที่ราคาจะสามารถหลุดกรอบนี้ไปได้ อาจจำเป็นต้องมีข่าวหรือปัจจัยใหม่เข้ามาในตลาด
ดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวในวันนี้ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่
• ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ปรับร่วงลงมากว่า 13% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือน เม.ย. ท่ามกลางแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับ Trade warที่ส่งผลให้นักลงทุนเข้าหาค่าเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าทองคำ
• นักวิเคราะห์จาก OANDA ประเมินว่า ราคาทองคำจะค่อนข้างทรงตัวจนกว่าจะถึงการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ โดยตลาดจะจับตาว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯจะขยายตัวสอดคล้องกับมุมมองการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคตหรือไม่
• นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยจากการขึ้นกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่จะกล่าวในหัวข้อ “การจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ” ต่อที่ประชุมประจำปีของสมาคมนานาชาติในคืนนี้ เวลาประมาณ 23.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
โดยเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 4 ครั้งในปี 2019 และอีก 1 ครั้งในปี 2020 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯรวมถึงตลาดแรงงานที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
• ด้านราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.7% บริเวณ 14.56 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.4% บริเวณ 1,060.60 เหรียญ และราคาแพลทตินั่มปรับสูงขึ้น 0.5% บริเวณ 826.0 เหรียญ