โดย World Bank ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในทวีปเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศจีน ในปีนี้ลงสู่ระดับ 6.3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 6.6% ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2019 คาดการณ์ไว้ที่ 6.0% ลดลงเล็กน้อยจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6.1%
สำหรับการเติบโตเฉพาะเศรษฐกิจประเทศจีนในปีนี้ ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 6.5% เท่าเดิม ขณะที่การเติบโตในปี 2019 ถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.2% จากเดิมที่ระดับ 6.3%
· Nissan เตือน การเจรจา Brexit ที่จบลงแบบ No-deal จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในอังกฤษ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งอังกฤษและสหภาพยุโรปเร่งหาข้อตกลงร่วมกันในด้านการค้าระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย
· ธนาคารกลางแห่งประเทศอินเดีย มีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. ในการประชุมวันศุกร์นี้ เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ ท่ามกลางภาวะที่เงินรูปีอ่อนค่าเป็นประวัติการณ์ รวมถึงราคาปรับน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น และความผันผวนของตลาดที่เกิดจากสถาบันทางการเงินรายย่อยในภายในประเทศ
· นักวิเคราะห์ Daily FX ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับแนวต้านด้านบน 75.00 - 77.54 เหรียญ/บาร์เรล (ระดับต่ำสุดของเดือนส.ค. ปี 2011 - มิ.ย. 2012 บนเส้น Fibonacii Expansion76.4%) ซึ่งหากราคาปิดเหนือระดับดังกล่าวก็จะไปเห็นราคาที่บริเวณ 100% ที่ 81.58 เหรียญ/บาร์เรล ในทางตรงข้ามหากหลุดต่ำกว่า 75 เหรียญ/บาร์เรล มีโอกาสกลับลงทดสอบเส้น Fibonacci 50% ที่ระดับ 73.02 เหรียญ/บาร์เรล
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นและแหล่งข่าวกล่าวว่า รัสเซียและซาอุดิอารเบียได้ลงนามข้อตกลงส่วนตัวในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันกิบ Brent ลดลง 0.2% ที่ระดับ 86.14 เหรียญ/บาร์เรล โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ที่บริเวณ 86.74 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าตลาดมีความตึงตัวมากขึ้นก่อนหน้าการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนหน้า
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.2% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 76.23 เหรียญ/บาร์เรล