ราคาทองคำมีการซื้อขายกรอบแคบๆในเดือนก.ย. ท่ามกลางแรงดึงระหว่างกันระหว่างขาขึ้นและขาลงโดยที่ยังไม่มีใครได้รับชัยชนะจากการยื้อของราคาในครั้งนี้
และเมื่อเฟดได้มีการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อไม่นานมานี้ ก็ดูเหมือนจะจำกัดการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงหลังจบการประชุม ซึ่งโดยข้อมูลย้อนหลังส่วนใหญ่จะเห็นว่าราคาทองคำมีการปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็เชื่อว่าคาดการณ์ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อนั้นเป็นตัวกดดันราคาทองคำ
ดังนั้น ในเวลานี้ เราจึงเห็นราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบและค่อนข้างที่จะไม่ทำอะไรมากนักหลังจากที่เฟดไม่ได้สร้างเซอร์ไพร์สใดๆแก่ตลาด ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้นก็เข้าใกล้ระดับเป้าหมายระดับดอกเบี้ยปกติ หรือ “Neutral Rate” ที่เฟดตั้งไว้ที่ 3% และการที่เฟดมีการลดท่าทีการพูดถึงเชิงคุมเข้มทางการเงินในถ้อยแถลงการประชุมล่าสุดนี้ได้ส่งผลให้ดอลลาร์มีการปรับอ่อนค่าลงมาบ้าง และทำให้เราเห็นราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ราคาทองคำปัจจุบันเมื่อเทียบกับดัชนีดอลลาร์จะมีความแตกต่างกันประมาณ 85% ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานต่างๆที่เข้ามากระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งปัจจัยเดียวที่ตลาดคาดหวังไว้คือการที่ราคาทองคำจะยังยืนเหนือระดับต่ำสุดของปีนี้ที่ 1,160 เหรียญให้ได้ เพราะถึงแม้ภาพรวมจะเป็นขาลงที่เหมาะให้นักลงทุนส่วนใหญ่ถือ Short แต่ความเป็นไปได้ขาลงก็ยังถูกจำกัดอยู่
จากชาร์ทจะเห็นว่า เส้นสีแดงหรือการเปิดสถานะ Short มีเพิ่มมากขึ้นกว่าสถานะ Long ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน โดยคิดเป็น 457 ตัน และส่วนใหญ่มองโอกาสที่จะเห็นนักลงทุนปิด Short กันเมื่อทองคำ และถือเป็นการถือสถานะ Short มากที่สุด โดยทุกคนรอที่จะปิดทำกำไรเมื่อราคาผ่านไปแถว 1,220 เหรียญ ขณะที่ราคาทองคำยังไม่สามารถกลับเป็นขาขึ้นได้แม้จะยืนเหนือ 1,170 – 1,180 เหรียญ โดยตลาดคงต้องรอปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก
ที่มา: Economic Times