• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 ตุลาคม 2561

    8 ตุลาคม 2561 | Economic News

·       ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าต่ออีก 0.2% บริเวณ 95.85 จุด เคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ที่ 96.991 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากความอ่อนแอในตลาดหุ้นจีน รวมถึงแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 

นักวิเคราะห์จาก Credit Agricole ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่มุมมองของตลาดต่อค่าเงินดอลลาร์ในปัจจุบันเริ่มที่จะทรงตัวแล้ว ดังนั้นหากค่าเงินจะปรับแข็.ค่าต่อไปได้ จำเป็นจะต้องมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาดีเกินคาดเข้ามาช่วยหนุน

ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.25% บริเวณ 1.15 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้ระดับต่ำสุดของเดือน ส.ค. ที่ 1.1463 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดค่าเงินจะจับตาไปที่การประกาศดัชนี CPI ของสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดีสัปดาห์นี้  โดยคาดว่าดัชนีจะขยายตัวได้ 0.2% ใมนภาพรวมรายเดือน ก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของเดือนก่อนหน้า ซึ่งหากออกมาตามคาด ก็จะช่วยหนุนมุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019

·       วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค :  ค่าเงินทดสอบระดับสำคัญที่ $1.1530 หลัง NFP สหรัฐฯประกาศออกมาแย่กว่าคาด

ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ (EUR/USD) แข็งค่าทดสอบระดับแนวต้านสำคัญที่ $1.1530 หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ประกาศออกมาแย่กว่าคาดที่ 134K จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 185K

โดยนักวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่า ค่าเงินยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยราย 50, 100, และ 200 วัน ขณะที่เส้น RSI, MACD, และ Stochastics เริ่มส่งสัญญาณขาขึ้น

ทั้งนี้ เป้าหมายของทิศทางขาขึ้นคือการ Break เหนือระดับ $1.1530 และไปต่อที่ $1.1569 sหากทำได้ เป้าหมายต่อไปก็จะขยับมาอยู่ที่ $1.1600 ในทางกลับกัน เป้าหมายของทิศทางขาลงคือการกดดันให้ค่าเงินเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ $1.1530

แนวโน้มหลัก: ขาลง

แนวต้าน:   1.1530, 1.1569, 1.1600

แนวรับ:      1.1500, 1.1491, 1.1400


·       ภาพทางเทคนิครายสัปดาห์สำหรับ EUR/USD : ค่าเงินมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงต่อ

ค่าเงินยูโรหลุดระดับแนวรับสำคัญบริเวณเหนือระดับ 1.1500 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และเคลื่อนไหวต่ำ

กว่าระดับดังกล่าวจนปิดตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ค่าเงินจะสามารถแข็งค่าขึ้นทดสอบระดับดังกล่าว หลังการประกาศ NFP ของสหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถกลับมายืนเหนือระดับดังกล่าวได้

ดังนั้น แนวโน้มสำหรับค่าเงินในสัปดาห์นี้ คาดว่า ยังคงมีโอกาสที่ค่าเงินจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงต่อ โดยจะมีแนวรับแรกที่ระดับ 1.1463 ซึ่งมองว่าน่าจะมีแรงเข้าซื้อบริเวณนี้ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเป็นรับต่ำสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่แนวรับถัดไปจะอยู่ระดับต่ำสุดของเดือน ธ.ค. ปี 2016

อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินจะสามารถลบล้างสัญญาณของทิศทางขาลงได้ ค่าเงินจะต้องยืนและปิดเหนือช่วงบนของระดับ 1.1500 ให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงต่อ

·       นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่านายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลี มีความพร้อมที่จะให้ผู้ตรวจสอบจากนานาประเทศเข้าตรวจสอบสถานที่พัฒนาและทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ระบุอีกว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ใกล้” ที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศแล้ว 

·       อัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีชะลอตัวลงผิดคาดในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยข้อมูลจากกระทรวงแสดงให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง 0.3% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% เทียบกับอัตราการผลิตในเดือน ก.ค. ที่ระดับ 1.3% โดยได้รับแรงกดดันมาจากการก่อสร้างในประเทศที่ลดลง

·       ธนาคารกลางจีนประกาศจะทำการปรับลดเพดาเงินสดที่ธนาคารส่วนใหญ่ต้องมีสำรองไว้เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นการเติบโตท่ามกลางความกังวลที่เศรษฐกิจจีนอาจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจทวีความรุนแรงขึ้

ขณะที่อัตรา RRR ปัจจุบันอยู่ที่ 15.5% สำหรับสถาบันการเงินขนาดใหญ่และ 13.5% สำหรับภาคธนาคารขนาดเล็ก  ที่อาจถูกปรับลงไปประมาณ 1% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ขณะที่อัตรา RRR ปัจจุบันอยู่ที่ 15.5% สำหรับสถาบันการเงินขนาดใหญ่และ 13.5% สำหรับภาคธนาคารขนาดเล็ก  ที่อาจถูกปรับลงไปประมาณ 1% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้

ผู้เชี่ยวชาญบางราย กล่าวว่า การตัดสินใจของจีนในการปรับลดเพดานเงินสดสำรองของภาคธนาคาร เป็นการสะท้อนว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนกำลังมีความกังวลต่อผลกระทบระยะยาวของ  Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน

·       ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงกว่า 1% หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯประกาศว่า อาจจะยกเว้นบางประเทศ ไม่ต้องได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้านี้

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.1% ที่ระดับ 83.26 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.7% ที่ระดับ 73.80 เหรียญ/บาร์เรล


·       วิเคราะห์ราคาน้ำมัน WTI ทางเทคนิค: Head-and-Shoulders pattern บ่งชี้ว่าทิศทางขาขึ้นอาจชะลอตั

FX Street ระบุว่า ราคาน้ำมัน WTI ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยนราย 50, 100, และ 200 วัน

อย่างไรก็ตาม ในกราฟราย 4 ช.ม. จะเห็นได้ว่า ราคาได้เคลื่อนไหวเป็นลักษณะ Head-and-Shoulders ที่บ่งชี้ว่าราคาอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินว่าหากราคาหลุดต่ำกว่าระดับ $74.00 ก็จะเป็นส่งสัญญาณของทิศทางขาลงในระยะสั้น และอาจทำให้เกิดแรงเทขายลงมาถึงระดับ $73.00 และ $71.45

ในทางกลับกัน หากราคาปรับขึ้นเหนือระดับ $75.24 จะเป็นการลบล้างสัญญาณของทิศทางขาลงในระยะสั้น

แนวโน้มหลัก:               ขาขึ้น

แนวต้าน:           75.24, 75.88, 77.00

แนวรับ:             74.00, 72.00, 71.45

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com