• ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 39.73 จุด คิดเป็น +0.15% ที่ระดับ 26,486.78 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.04% ที่ระดับ 2,884.43 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.67% ที่ระดับ 7,735.95 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 3 วันทำการโดยเมื่อวานถูกกดดันจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และแรงเทขายในตลาดหุ้นจีนจากกลุ่มนักลงทุนที่วิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะประสบภาวะชะลอตัว ขณะที่S&P500 ปิดทรงตัวเมื่อวานนี้
• ธนาคารกลางจีน ประกาศแผนลดเพดานเงินสด ที่ธนาคารต้องมีสำรองไว้ เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และกระตุ้นการเติบโต ท่ามกลางความวิตกถึงความเป็นไปได้ที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจะโดนฉุดจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ที่เพิ่มความรุนแรงขึ้น โดยที่จะมีการลดเพดานทุนสำรองลงมา 1% จากปัจจุบันที่กำหนดให้ธนาคารขนาดใหญ่สำรองไว้ในสัดส่วน 15.5% และธนาคารขนาดเล็กที่ 13.5% โดยจะมีผลบังคับในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ จึงทำให้ตลาดหุ้นจีนและค่าเงินหยวนนั้นมีการปรับอ่อนค่าลง
• ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นหลัก และประเด็นที่นักลงทุนกังวลนี้ได้ฉุดให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพากันร่วงลงกว่า 1.2%
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลงในเช้านี้ ตามการปิดผสมผสานกันของตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนี ASX200 เปิด -0.65% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.27% ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันชาติ
• นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.90 – 33.05 บาท/ดอลลาร์ โดยกลางสัปดาห์ตลาดน่าจะให้ความสนใจไปยังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ขณะที่ภาพการเคลื่อนไหวหลักดูจะยังเกาะกลุ่มไปกับค่าเงินภูมิภาค โดยเฉพาะเงินหยวนที่อ่อนค่าเยอะ ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์เทียบทุกสกุลบอนด์ยีลด์ก็ยังปรับตัวในระดับสูง
• สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Invester Confidence Index) ประจำเดือน ต.ค.61 ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธ.ค.61) เพิ่มขึ้นมากในเกณฑ์ร้อนแรง (Bullish) เป็น เดือนแรกในรอบ 7 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 12.01% มาอยู่ที่ระดับ 120.60