กองทุนไอเอ็มเอฟ กล่าวเตือนว่า กรณี Trade War ของนายทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯกับจีนและยุโรปดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวต่อเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า
โดยความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นดูจะเป็นผลกระทบที่บั่นทอนสินค้านำจากทางจีนและทำให้การขยายทางเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าปรับตัวลง ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลกระทบนั้นจะรวมไปถึง ประเทศสหรัฐฯ ฝรั่งเศส เยอรมนี และจีน
ขณะที่อังกฤษถูกคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าดังกล่าวด้วย ตลอดจนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกจากอียูหรือ Brexit ที่จะบั่นทอนแนวโน้มของเศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้และปีหน้าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังระบุว่า ผลกระทบจาก Trader War ของสหรัฐฯและจีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าขยายตัวได้เท่ากันที่ระดับ 3.7% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9% ที่เคยประเมินไว้ในเดือนเม.ย.
บรรดาเจ้าหน้าที่จากกองทุนไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า การขยายตัวลงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงก็เป็นผลมาจากหลายประเทศที่กำลังพัฒนากำลังเผชิญความยากลำบากจากการอ่อนค่าของค่าเงินภายในประเทศที่เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าอย่างน้ำมัน
แผนการปรับลดภาษีของนายทรัมป์ มูลค่า 1.1 ล้านล้านเหรียญ ถูกคาดว่าจะทำให้จีดีพีสหรัฐฯปนี้ขยายตัวได้ 2.9% แต่ก็อาจถูกบั่นทอนได้จากภาวะความตึงเครียดทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ที่อาจทำให้จีดีพีเติบโตได้เพียง 2.5%
ประเทศเยอรมนีถูกคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าจะยังขยายตัวได้เหนือ 2% แต่ไอเอ็มเอฟมีการประเมินว่าผลกระทบจากการขึ้นภาษีการค้าอาจทำให้เยอรมนีมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ประมาณ 1.9%ในช่วง 2 ปี เช่นเดยวกับบฝรั่งเศสที่ถูกคาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อการขยายตัวในช่วงปีนี้และปีหน้าเช่นกัน
แนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษปี 2019 จะขยายตัวได้ 1.5% ขณะที่ปีนี้จากคาดการณ์เดิม 1.3% คาดจะขยายตัวได้ 1.1% จากความไม่แน่นอนของ Brexit รวมทั้งประเด็นทางการค้าและภาคการลงทุน
ที่มา: The Guardian