ค่าเงินปอนด์ปรับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรมาที่ระดับ 87.265 เพนซ์ต่อยูโร ขณะที่เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์มีการปรับแข็งค่ามา 0.3% ที่ระดับ 1.13186 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 26 ก.ย.
· ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ 1.15 ดอลลาร์/ยูโร โดยยังอยู่ไม่ห่างจากระดับต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์ในวันนี้ ท่ามกลางการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลงและเป็นปัจจัยที่ฉุดให้ดอลลาร์อ่อนค่า
ดัชนีดอลลาร์วันนี้ทรงตัวที่ 95.692 จุด ใกล้ระดับ 96.163 จุด ที่พุ่งขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 20 ส.ค.เมื่อคืนนี้
ทางด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1486 ดอลลาร์ยูโร
.png)
· นักวิเคราะห์จาก Trading View ระบุว่า ค่าเงินเยนเมื่อเทียบดอลลาร์มีการทดสอบระดับแนวต้าน 113.47 เยน/ดอลลาร์ และมีแรงดึงกลับ จึงอาจเห็นราคามีการปรับตัวลงต่ำกว่าระดับดังกล่าวได้ และหากค่าเงินเยนปรับตัวหลุดลงกว่าระดับนี้ ก็มีโอกาสเห็นราคากลับมาแถวแนวรับ 112.15 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Extension 100% และ Fibonacci Retracement 50%
ขณะที่รูปแบบกราฟแบบ Ichimoku ก็อาจสะท้อนสัญญาณขาลงที่เข้ามากดดันทำให้เห็นราคาอาจปรับลงได้
· นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก เชื่อว่าการปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติ จะเอื้อประโยชน์ต่อการลดความเสี่ยงจากความไม่สมดุลของตลาดการเงินเพื่อให้มีความเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และยังย้ำเน้นว่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
· โพลล์สำรวจจาก Reuters ระบุว่า ยอดส่งออกจีนชะลอตัวลงในเดือนก.ย.ที่่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากการลดลงอย่างรวดเร็วของยอดคำสั่งซื้อ เนื่องจากประเด็นสงครามการค้ากับสหรัฐฯเริ่มส่งผลกระทบต่อการจัดส่งของจีนมากยิ่งขึ้น
· ส.ส.อังกฤษประมาณ 30 - 40 รายที่เป็นฝ่ายค้านพรรคแรงงานของอังกฤษอาจเรียมกับหารือข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกำลังพยายามที่จะต่อสู้เพื่อให้ผ่านทางอียู
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์ที่แล้ว ตัวแทนเจรจา Brexit ของทางอียู เชื่อว่าข้อตกลงในการแยกตัวของอังกฤษและอียูค่อนข้างเข้าใกล้จะบรรลุผลทางการทูตแล้ว แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่า นางเมย์ จะได้รับเสียงสนับสนุนในการผ่านมติจากทางรัฐสภาอังกฤษเมื่อใด และนางเมย์ต้องได้คะแนนโหวต 320 เสียงจากจำนวน 650 ที่นั่งในสภาฯ จึงจะเป็นชัยชนะจากการลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายของเธอ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำครั้งที่ 2 ระหว่างเขาและ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนืออาจเกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งกลางวาระของสหรัฐฯในวนันที่ 6 พ.ย. นี้
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ทางการญี่ปุ่นมีการประเมินว่า ผลกระทบจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนอาจลุกลามไปทั่วเอเชียแปซิฟิก และความพยายามของญี่ปุ่นอาจไม่ประสบความสำเร็จหากปราศจากข้อตกลงร่วมกันกับทางสหรัฐฯ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาค รวมไปถึงสหรัฐฯด้วย
· รายงานจาก IMF ระบุว่า ความเสี่ยงต่อระบบการเงินโลกมีการปรับตัวขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และอาจยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นได้หากมีแรงกดดันจากความตึงเครียดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่หรืออุปสรรคของความสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคต
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากที่ ไอเอ็มเอฟ ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ราคาได้รับแรงหนุนจากพายุเฮอร์ริเคนไมเคิลที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งฟลอริดา ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบบริเวณอ่าวเม็กซิโกต้องลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติลง 40%
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 21 เซนต์ ที่ระดับ 84.79 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 34 เซนต์ ที่ระดับ 74.62 เหรียญ/บาร์เรล
.png)
· นักวิเคราะห์จาก DailyFX กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวได้สูงกว่าแนวรับระยะสั้น โดยระยะสั้นอาจเห็นโอกาสที่ราคาย่อตัวได้ โดยหากราคาปิดต่ำกว่า 72.73 เหรียญ/บาร์เรล หรือ 72.88 เหรียญ/บาร์เรล ก็มีโอกาสหลุดลงกลับมาที่ 70.05 เหรียญ/บาร์เรลได้ ขณะที่แนวต้านด้านบนอยู่ที่ 75.00 เหรียญ/บาร์เรล และ 77.31 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ