• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2561

    11 ตุลาคม 2561 | SET News

• ตลาดหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวลงทำระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนเมื่อวานนี้ โดยดัชนี S&P500 ร่วงลงรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยปรับลงไปกว่า 3% อันเป็นผลมาจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่กังวลต่อภาวะอุปสงค์ที่กำลังชะลอตัว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีการปิดอ่อนตัวลงหลังไปทำระดับสูงสุดในรอบหลายปีช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

หุ้นยุโรปปิดลงกว่า 1% จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเช่นกัน ขณะที่ทองคำปรับขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนที่กลับเข้าถือครองในสภาวะที่หุ้นทั่วโลกตกลงอย่างมาก

• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลงกว่า 831.83 จุด คิดเป็น -2.2% ที่ระดับ 25,598.74 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลง 94.66 จุด คิดเป็น -3.29% ที่ระดับ 2,785.68 จุด และดัชนีNasdaq ปิดลดลง 315.97 จุด คิดเป็น -4.08% ที่ระดับ 7,422.05 จุด

• ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ถือว่าร่วงลงระดับวันมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากที่สุดระดับวันจากแรงเทขายที่เข้ามา ซึ่งทำให้ราคาร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ 24 มิ.ย. ปี 2016

• รายงานจาก CNN ระบุว่า เดือนต.ค. ถือเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดที่ตลาดหุ้นดิ่งลงมากที่สุดจากความกังวลของกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเมื่อวานนี้อ่อนตัวลงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังปรับตัวขึ้นและเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และจุดประกายโอกาสที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ย จึงทำให้นักลงทุนมองว่านี่การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นอาจกำลังสิ้นสุดลง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ปรับตัวขึ้นอาจชะลอความร้อนแรงของภาคส่วนทางเศรษฐกิจได้ รวมไปถึงด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเมื่อเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรภาคบริษัท

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลต่อภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะประเด็นความาขัดแย้งทางการค้ากับทางสหรัฐฯ ที่เป็นตัวฉุดให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงต่อ

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในตลาดบางส่วนเชื่อว่าการปรับลงครั้งนี้ไม่ได้มาจากภาวะ Panic ของตลาดแต่มาจากการทรุดตัว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ทำให้เกิดแรงเทขายตามมา รวมไปถึงแรงเทขายในกลุ่มสุขภาพ

• เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาว เผยว่า นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการแสดงความคิดเห็นสั้นๆเกี่ยวกับแรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยระบุว่า การเกิดขึ้นดังกล่าวเป็นการปรับฐานของตลาดขาขึ้น ซึ่งตลาดน่าจะยังมีทิศทางที่สดใสจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันเขายังคงวิจารณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาพึงพอใจ

• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ร่วงลงอย่างหนักจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ปรับตัวลงระดับวันมากที่สุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ดัชนี ASX200 เปิด -1.9% ท่ามกลางหุ้นภาคธนาคารชั้นนำของประเทศที่ปรับตัวลง อาทิ Commonwealth Bank ปิด -1.46%

ดัชนีนิกเกอิเปิด -3.25% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -3.19% ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -2.2%

• นักบริหารเงิน คาดว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.90-33.10 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังไร้ปัจจัยเข้ามากระทบ ขณะที่เหล่านักลงทุนจับตารายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐฯ คืนนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com