• ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับ 95.00 จุด ซึ่งใกล้ระดับระดับต่ำสุดของเดือนนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลง และมุมมองที่ไม่ค่อยสดใสต่อตลาดสหรัฐฯ หลังตลาดหุ้นเผชิญแรงเทขายอย่างหนักต่อติดกัน 2 วันทำการ
ด้านค่าเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ จึงแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 1.1611 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ ส่งผลให้มุมมองต่อตลาดยูโรเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง ประกอบกับรายงานการประชุมของ ECB ครั้งล่าสุดที่ระบุว่า ECB ยังคงเดินหน้าปรับนโยบายการเงินให้เป็นระดับปกติต่อไปในปีนี้ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนก็ตาม
• นักวิเคราะห์จาก Merrill Lynch และ U.S. Trust ระบุว่า “ตลาดจะจับตาการเลือกตั้งกลางวาระของสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 พ.ย. นี้กันอย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจในสภาสหรัฐฯอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ รวมไปถึงนโยบายด้านความสัมพันธะหว่างประเทศ”
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากกราฟการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในช่วงปีที่มีการเลือกตั้งกลางวาระจะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวลดลงในช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า น่าจะเกิดจากความกังวลในความไม่แน่ไม่นอนของผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าใกล้การเลือกตั้งกลางวาระจริง ตลาดหุ้นจะเริ่มกลับมามีผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากความกังวลดังกล่าวได้เริ่มผ่อนคลายลงไป
ขณะที่งานวิจัยจาก HCWE & Co. บ่งชี้ว่า ผลการเลือกตั้งการวาระในปีนี้ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผลดีต่อบรรดานักลงทุน เนื่องจากงานวิจัยประเมินว่านายโดนลัด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสามารถดำรงตำแหน่งได้ครบตามวาระของเขา
• รายงานจากรัฐบาลจีนระบุว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนกับสหรัฐฯขยายสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.413 หมื่นล้านเหรียญในเดือน ก.ย. ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นักวิเคราะห์ออกมาระบุว่า การที่ยอดเกินดุลการค้าขยายตัว น่าจะเกิดจากปริมาณคำสั่งซื้อออกจากประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ก่อนที่นโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้ และผลกระทบต่อตัวเลขดุลการค้าจีนน่าจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงเดือนต่อๆไป
• IMF เตือน ความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงไปถึง 1.6% ในระยะเวลา 2 ปี แต่ผลกระทบดังกล่าว อาจได้รับการบรรเทาลงไป หากรัฐบาลจีนมีการออกมาตรการเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ
• IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียในวันนี้ โดยเตือนว่า ความตึงเครียดด้านการค้าที่ยังคงยืดเยื้อในขณะนี้อาจกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียลงประมาณ 0.9% ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของประเทศต่างๆในเอเชียเร่งเปิดตลาดเสรี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการส่งออกที่ทรุดตัวลง
ทั้งนี้ IMF ได้คงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียในปีนี้ที่ระดับ 5.6% แต่ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชียในปีหน้าลงสู่ระดับ 5.4% ซึ่งลดลง 0.2% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.
• นาย Nicolas Dujovne ประธานการประชุม G20 ด้านการเงิน ระบุว่า ความตึงเครียดทางสงครามการค้ายังคงอยู่ในกลุ่มประเทศ G20 ที่ต้องแก้ไขระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น 1% ฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลดลงอย่างหนักเมื่อสองวันที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงเป็นสัปดาห์แรกในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1.3% ที่ระดับ 81.28 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.1% ที่ระดับ 71.77 เหรียญ/บาร์เรล