• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงหลังจากที่ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนก.ย.ออกมาน่าผิดหวังจากที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเลื่อนไหวในกรอบหลังจากที่ไปแตะระดับสูงสุดรอบ 7 ปี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีทรงตัวที่ 3.15% จากที่ขึ้นไปแตะ 3.26% เมื่อวันอังคารที่แล้ว ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอสัญญาณใหม่ๆเพื่อหนุนการเข้าซื้อดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงจากที่ยืนเหนือระดับ 95.3 จุดเมื่อวานนี้ โดยเช้านี้ปรับอ่อนค่าลงมาต่อในตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์ที่บริเวณ 95.047 จุด
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมา 0.14% ที่ระดับ 1.1578 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.37% ที่ระดับ 111.78 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.02% ที่ระดับ 1.3151 ดอลลาร์/ปอนด์
• ผลการประกาศข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯขยายตัวได้เล็กน้อยในเดือนก.ย. โดยข้อมูลล่าสุดยังมีแรงสนับสนุนบางส่วนจากการเข้าซื้อรถจักรยานยนต์ ที่ชดเชยกับการร่วงลงอย่างหนักของค่าใช้จ่ายในร้านอาหารและบาร์ที่ลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
ยอดค้าปลีกสหรัฐฯขยายตัวได้ 0.1% ในเดือนก.ย. โดยยังทรงตัวเท่าเดิมในเดือนส.ค. แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าขยายตัวได้ 4.7%
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ค่าใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภคของสหรัฐฯช่วงไตรมาสที่ 3 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง และจะยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจแม้ว่าจะได้รับผลกระทบบางส่วนจากยอดส่งออกที่อ่อนตัวและการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย
• รายงานจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯปิดปีงบประมาณ 2018 ที่ระดับ 7.79 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นระดับการขาดดุทลที่เพิ่มมากที่สุดในรอบ 6 ปี การปรับลดภาษีของพรรครีพับลิกันที่ส่งผลกระทบให้รายได้ปรับลดลง และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในขณะที่อัตราหนี้สินของประเทศกำลังขยายตัว
• สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียได้สร้างความกังวลให้กับตลาดการเงินโดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการของสถานีโทรทัศน์ CBS เกี่ยวกับกรณีที่นายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวอิสระชาวซาอุดีอาระเบียที่หายตัวอย่างลึกลับหลังเข้าไปติดต่อธุระที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯจะใช้มาตรการลงโทษสถานหนัก หากผลการสืบสวนพบว่าซาอุดีอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม
ขณะที่ทางซาอุดีอาระเบียลั่นพร้อมตอบโต้สหรัฐฯด้วยมาตรการที่รุนแรงกว่า พร้อมย้ำเตือนว่า ซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจน้ำมันนั้น มีบทบาทสำคัญและทรงประสิทธิภาพในเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ดี จากข่าวการหายสาบสูญของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว มีรายงานว่า ผู้บริหารของจีเอ็ม เจพีมอร์แกน และฟอร์ด เป็นผู้บริหารรายล่าสุดที่ได้ตัดสินใจยกเลิกเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจที่กรุงริยาดในเดือนนี้ ขณะที่นายสตีฟ มนูชิน รมว.การคลังสหรัฐยังไม่ได้ประกาศยกเลิกแผนเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด แม้จะมีเสียงเรียกร้องก็ตาม
ขณะที่นายทรัมป์ มีการทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า เขาจะส่งนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่นายทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับกษัตริย์ซาอุฯ และพระองค์ทรงปฏิเสธไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
• อังกฤษและอียูใกล้บรรลุข้อตกลง Brexit แต่ค่าเงินปอนด์ก็อาจมีความผันผวนอย่างหนักได้จากมุมมองที่พวกเขาอาจปรับลดข้อตกลงบางส่วนได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถลงรอยกันได้สำหรับประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ที่ยังเป็นประเด็นหลักให้แล้วเสร็จได้ก่อนที่ทางอียูจะมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอียูในวันพุธนี้
• นายกรัฐมนตรีอิตาลี และเจ้าหน้าที่รัฐมนตรีระดับสูงของอิตาลีมีการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยระบุว่า แผนงบประมาณฉบับปี 2019 ของอิตาลีได้รับการเห็นชอบจากทางคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ โดยประกอบไปด้วย รายได้พื้นฐานสำหรับคนยากจน การปรับลดอายุการเกษียณอายุ และข้อเสนอการนิรโทษกรรมบางส่วนสำหรับข้อพิพาทด้านภาษี และเชื่อว่ารายได้พื้นฐานจะช่วยบรรเทาความยากจนที่อาจเห็นผลภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019
ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอิตาลี ปฏิเสธรายงานที่ว่าเขาจะทำการลาออกหลังแผนงบประมาณได้รับการอนุมัติจากทางสภาฯ โดยเขาเชื่อมั่นว่าเขาจะอธิบายให้คณะกรรมาธิการอียูที่ยังมีความกังวลอยู่นั้นเข้าใจได้
• นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้คำมั่นที่จะมุ่งหน้าเพิ่มภาษียอดขายของประเทศในเดือนต.ค. ปีหน้า โดยคณะรัฐบาลจะตัดสินใจปรับแผนภาษียอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ และที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาภาระของกลุ่มบริษัทรายย่อยรวมทั้งกลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อย โดยจะเพิ่มภาษีจากระดับ 8% สู่ระดับ 10%
• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า ภาคบริษัทของญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบจากข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีเพิ่มขึ้น โดยภาคบริษัทมีความกังวลต่อแนวโน้มของภาคส่งออกจากจีน อันมาจากอุปสงค์จากจีนที่ดูจะชะลอตัวลง
โดยผลสำรวจกว่า 53% สะท้อนว่าภาคบริษัทกังวลต่อภาวะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่เริ่มจะมีผลต่อผลผลิตในด้านการส่งออกจากจีนสู่ประเทศอื่นๆ
• ราคาน้ำมันดิบปิดทรงตัวเมื่อวานนี้ โดยตลาดยังมีแรงหนุนจากภาวะตึงเครียดทางการเมืองจากการหายตัวไปของนักข่าวอิสระชาวซาอุดิอาระเบีย ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบจากซาอุดิอาระเบียได้ เนื่องจากสหรัฐฯเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ขณะที่ซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เช่นกัน ขณะเดียวกันตลาดก็ยังมีความกังวลต่อแนวโน้มอุปสงค์ในระยะยาว
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 35 เซนต์ ที่ระดับ 80.78 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 44 เซนต์ ที่ระดับ 71.78 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดปรับตัวลงกว่า 4% ท่ามกลางการร่วงลงของหุ้นสหรัฐฯ