· ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.09% บริเวณ 95.143 จุด หลังจากที่ดัชนีอ่อนค่าลงจากการประกาศตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าที่คาดเมื่อคืนนี้ แต่ดัชนียังคงเคลื่อนไหวห่างจากระดับสูงสุดรายวันที่ 95.37 จุด ก่อนหน้าการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.19% ที่บริเวณ 111.97 เยน/ดอลลาร์ หลังลงไปทำระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 1 เดือนที่ระดับ 111.61 เยน/ดอลลารืเมื่อวานนี้
ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 1.1572 ดอลลาร์/ยูโร ห่างจากระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 1.1429 ดอลลาร์/ยูโร ที่ค่าเงินลงไปทำระดับเมื่อวันอังคารของสัปดาห์ที่ผ่านมา
· นางเซซิเลีย มาร์มสตอร์ม กรรมาธิการด้านการค้าประจำสหภาพยุโรป ระบุว่า จุดยืนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มีประโยชน์สำหรับความพยายามหาข้อตกลงทางการค้าระหว่างอียูและสหรัฐฯ และทางอียูจะทำการตอบโต้สหรัฐฯ หากสหรัฐฯทำการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากอียู
ทั้งนี้ สหรัฐฯและอียูกำลังพยายามเจรจาเพื่อให้อียูสามารถหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยนางเซซิเลียระบุว่าการเจรจาเพิ่งอยู่ในขั้นตอนแรกๆเท่านั้น
· ผลสำรวจจาก S&P Global Ratings คาดการณ์ว่า การกู้ยืมนอกงบดุล (Off-balance-sheet borrowings) ของรัฐบาลระดับท้องถิ่นของประเทศจีน มีแนวโน้มที่จะก่อตัวได้มากถึง 40 ล้านล้านหยวน (5.78 ล้านล้านเหรียญ)
· บรรดานักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เคยมีความหวังว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะสามารถได้รับการเจรจาแก้ไขปัญหาได้ในท้ายที่สุด หรืออย่างเร็วที่สุดคือก่อนที่สหรัฐฯจะเข้าสู่การเลือกตั้งกลางวาระในเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้
แต่ทว่าความหวังดังกล่าวเริ่มที่จะสูญสลายไปเรื่อยๆ ท่ามกลางมุมมองของนักวิเคราะห์ที่มองว่าความขัดแย้งทางการค้าดังกล่าวมีแนวโน้มจะยืดเยื้อออกไป และโอกาสที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถเจรจายุติความขัดแย้งได้นั้น มีอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
Patrik Schowit นักกลยุทธ์ประจำ J.P. Morgan กล่าวว่า “สถานการณ์ของ Trade war ในปัจจุบัน อยู่ในระดับที่ผู้คนเริ่มคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด โดยที่หลายๆฝ่ายมองว่า ความขัดแย้งครั้งนี้จะยื้อเยื้อออกไปและอาจคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งจะกลายเป็นสงครามเย็นครั้งใหม่”
· รัฐบาลซาอุดิอาระเบียเตรียมพิจารณายอมรับว่า นายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวอิสระชาวซาอุดีอาระเบีย ได้ถูกสังหารจริง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาจเป็น “ฆาตกรไร้สัญชาติ”
ขณะที่นายทรัมป์ ได้ส่งนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ไปยังซาอุดิอาระเบีย เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งดังกล่าว
· ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่า ดุลการค้าของประเทศที่จะเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงด้วยระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่สมัยวิกฤติทางการเงินโลก
โดยผลสำรวจจากบรรดานักเศรษฐศาสตร์กว่า 68 คน คาดการณ์ว่า ดุลการค้าของจีนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ 6.6% ในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. จากปีก่อนหน้า ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 6.7% ซึ่งจะเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 20009
อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตที่ Reuters คาดการณ์ไว้สำหรับไตรมาสที่ 3 ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าคาดการณ์ของรัฐบาลจีนที่คาดการณ์เองไว้ที่ระดับ 6.5%
· รายงานจากกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯปิดบัญชีงบประมาณสำหรับปี 2018 ที่ -7.79 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นงบประมาณขาดดุลที่มากที่สุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากนโยบายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันและค่าใข้จ่ายของภาครัฐที่สูงขึ้น
· Ray Attrill หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FX ประจำ National Australia Bank ระบุว่า การปรับฐานของค่าเงินดอลลาร์ยังไม่จบ และมีความเป็นไปได้ที่ปัจจัยที่เป็นบวกต่อค่าเงินดอลลาร์จะไม่มีสามารถช่วยหนุนค่าเงินได้มากนัก ในขณะเดียวกัน ปัจจัยที่เป็นลบก็จะสร้างความเสียหายต่อค่าเงินได้มากกว่าที่ควรจะเป็น
· ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯจะประกาศออกมาเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันที่ลดลงจากอิหร่านยังคงเป็นปัจจัยช่วยหนุนไม่ได้ราคาปรับลดลงไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.07% บริเวณ 80.72 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 14 เซนต์ บริเวณ 71.64 เหรียญ/บาร์เรล